posttoday

เสธ.หนั่นถอดใจ ตอกย้ำ'ปรองดอง'เกิดยาก

14 มีนาคม 2555

อาการถอดใจของ “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา

อาการถอดใจของ “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา

กลายเป็นสัญญาณตอกย้ำอย่างดีว่า “ความปรองดอง” ที่สังคมกำลังเพรียกหาให้กลับคืนมาดังเดิม ไม่มีทางเป็นไปได้ท่ามกลางบรรยากาศที่ความขัดแย้งยังระอุเยี่ยงนี้

จากต้นตำรับ “มือประสานสิบทิศ” เข้าได้ทุกสี ทุกกลุ่ม ทุกพรรค ทุกมุ้ง จนกลายเป็นที่มาให้ เสธ.หนั่น ออกมาประกาศสร้างผลงานชิ้นโบแดง ทิ้งทวนก่อนวางมืออำลาการเมือง ด้วยความกังขาและปรามาสจากสารพัดทิศว่าเป็นไปได้ยาก และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่สังคมกังขา

ถอดรหัสจากคำให้สัมภาษณ์ของ “เสธ.หนั่น” ยิ่งสะท้อนว่า แม้จะพยายามเดินหน้าสู่ความปรองดอง แต่ยิ่งเดินยิ่งห่างเป้าหมายขึ้นทุกทีๆ

“การจะสร้างความปรองดองให้สำเร็จ ต้องมองข้ามเงื่อนไขทางการเมืองต่างๆ ทั้งเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทางกลับประเทศ หรือการรับโทษในคดีต่างๆ รวมถึงเงื่อนไขทางการเมือง ควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ และต้องอาศัยความจริงใจของทุกฝ่าย โดยเฉพาะนักการเมืองซึ่งถือว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาความขัดแย้ง”

ทุกประเด็น ทั้งเรื่อง “คดี” เรื่อง “ทักษิณ” เรื่องกลับประเทศเรื่อง “รับโทษ” เรื่อง “นักการเมือง” กับปรากฏการณ์ที่สังคมยังวนเวียน ไม่สามารถก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ไปได้ ล้วนแต่ทำให้ “ถนนปรองดอง” ที่ เสธ.หนั่น พยายามสร้างไม่เป็นรูปเป็นร่างสักที

เสธ.หนั่นถอดใจ ตอกย้ำ'ปรองดอง'เกิดยาก

 

แม้แต่ พ.ร.บ.ปรองดอง ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะเสนอนั้น “เสธ.หนั่น”ยังมองว่าด้วยเงื่อนไขปัจจุบันคงไม่สำเร็จแน่

สุดท้ายด้วยชนวนเรื่องการแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งฝ่าย มีความรุนแรง เดินหน้าเข้าสภาไม่พูดทักทายเหมือนการเมืองเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ทำให้ชาละวันการเมืองต้องอำลาวงการหลังหมดสมัยนี้ เว้นแต่มีเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วง

เส้นทางสู่ความ “ปรองดอง” เวลานี้จึงเหมือนมาสู่ทางตันที่ไม่อาจก้าวข้ามเรื่องราวความขัดแย้งที่มีปมปัญหาที่ฝังรากลึก และมีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไปได้

แม้แต่ “กลไก” ที่พยายามจะสร้างขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูความปรองดอง ก็มิวายที่จะเกิดความขัดแย้งภายในจนเป็นชนวนให้ความปรองดองไม่อาจเกิดขึ้นได้

ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน ที่เจ้าตัวหวังจะให้สภาซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา เป็นจุดที่แก้ไขปัญหา

ทว่า ยังไม่ทันจะไปถึงไหน แค่ความพยายามจะนำข้อสรุปถึงแนวทางการสร้างความปรองดองที่สถาบันพระปกเกล้าเข้ามาใช้ในกรรมาธิการ กลับเกิดความขัดแย้งภายใน ไม่เห็นด้วยในรายละเอียดบางข้อจนไม่ต้องการให้นำมาใช้

ล่าสุด นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สส.พัทลุง กมธ.จากซีกประชาธิปัตย์ ส่งเรื่องกลับไปยังสถาบันพระปกเกล้า เพื่อให้ทบทวนผลการวิจัยประเด็นการนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง โดยรวมถึงผู้ชุมนุมทุกฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้บังคับบัญชา ตลอดจนผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย

รวมทั้งประเด็นเสริมสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา จากกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)

ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเด็นเหล่านี้เป็นความขัดแย้งที่เห็นต่างกันอยู่ในสังคม 2 ฝั่ง ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหาข้อยุติได้ง่ายๆ

สุดท้ายได้มอบให้ กมธ.แต่ละคนไปดำเนินการตอบแบบสอบถามว่ามีความเห็นกับแนวทางของสถาบันพระปกเกล้าข้อใดบ้าง และนำมาส่งต่อที่ประชุมในสัปดาห์หน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผลีผลามทำอะไรซ้ำเติมความขัดแย้ง

อีกด้านหนึ่งความพยายามผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่เนื้อหาสาระสำคัญเป็นเรื่องการนิรโทษกรรมคดีการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงหลังรัฐประหารเป็นต้นมา ซึ่งเอาเข้าจริงกลับกลายเป็นการปลุกความขัดแย้งมากกว่าจะสร้างความปรองดอง

ไม่ต่างจากประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังมีข้อกังขาเรื่องการหมกเม็ด ยืมมือสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญไปดำเนินการในประเด็นล่อแหลม ทั้งการล้มล้างผลทางคดีเอื้อประโยชน์ให้คนบางคนหรือกลุ่มคนบางกลุ่ม ล้วนแต่ยิ่งเป็นอุปสรรคการปรองดอง

ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่ “ชนวน” ความขัดแย้งผุดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปลุกให้กลุ่มก้อนต่างๆ ผนึกกำลังออกมาเคลื่อนไหวประกาศจุดยืนตัวเอง ก่อตัวให้ความขัดแย้งในสังคมเริ่มขยายวงกว้างขึ้น และกังวลว่าจะรุนแรงมากขึ้น

เหล่านี้ล้วนแต่เป็นสัญญาณว่าความปรองดองที่ทุกฝ่ายเพรียกหา คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้นในเวลานี้