posttoday

ล้างบางขั้วเก่าสีกากีเสริมบารมียิ่งลักษณ์

27 ธันวาคม 2554

ปฏิบัติการล้างบางตำรวจ “สายเก่า” ที่เคยเรืองอำนาจในยุครัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ

ปฏิบัติการล้างบางตำรวจ “สายเก่า” ที่เคยเรืองอำนาจในยุครัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ

โดย...ทีมข่าวการเมือง

ปฏิบัติการล้างบางตำรวจ “สายเก่า” ที่เคยเรืองอำนาจในยุครัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ภายใต้การควบคุมของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ใกล้สัมฤทธิผล และกำลังทำให้รัฐตำรวจไทยในยุคสมัยเพื่อไทยครองอำนาจอุบัติขึ้นอีกครั้ง

ทั้งหมดถูกดำเนินการไปภายใต้ความเชื่อที่ว่า ตำรวจจะช่วยค้ำบัลลังก์ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีความมั่นคงมากขึ้น ในการรับมือทางการเมืองที่จะดุเดือดขึ้นในปีหน้า

ปฏิบัติการสร้างรัฐตำรวจเพื่อไทย ไล่เรียงตั้งแต่การเด้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไปนั่งเลขาฯ สมช. เพื่อเปิดทาง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) พี่ชายคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก้าวขึ้นเป็น ผบ.ตร.

ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปโดยง่ายไร้แรงต้าน

หลังจากยึดหัวขบวนกองทัพสีกากีได้แล้ว ก็มีการจัดทัพเก้าอี้สำคัญๆ อาทิ รอง ผบ.ตร. โดย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่หลุดวงโคจรในยุคของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็กลับเข้าสู่เส้นทางลุ้น ผบ.ตร.เช่นกัน เมื่อได้โยกเข้ามาอยู่ในตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ชนิดนั่งเต็มเก้าอี้ และมีสิทธิก้าวสู่ถึงตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่จะเกษียณในปีหน้า

ล้างบางขั้วเก่าสีกากีเสริมบารมียิ่งลักษณ์

ทั้งนี้ อย่าลืมว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ก็เป็นคนที่เพื่อไทยไว้ใจเช่นกัน แม้จะต้องสู้กับอีกหลายคนในตำแหน่งอาวุโสอย่าง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. อีกคนก็ตาม

ขณะที่ในพื้นที่เมืองหลวง มีการเด้ง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือบิ๊กแป๊ะ ผบช.น. สายตรง ปชป. ไปนั่งที่ไกลโพ้นในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง แต่ “บิ๊กแป๊ะ” ก็ยังไม่ปลอดภัย เพราะมีอีกปมที่จะต้องเร่งเคลียร์

ขณะเดียวกันมีการตั้ง พล.ต.ท.วินัย ทองสอง รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ที่เป็นหลานเขยคุณหญิงพจมาน เข้ามาคุมแทนในตำแหน่ง ผบช.น. ส่วนในระดับผู้บัญชาการ ก็มีการแต่งตั้งคนสนิทชิดเชื้อกับพรรคเพื่อไทยแทบทั้งสิ้น อาทิ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. ก้าวขึ้นเป็น ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. นายตำรวจที่เคยดูแลคุณหญิงพจมาน ผงาดเป็น ผบช.ภ.3 คุมอีสานตอนล่าง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตามองในช่วงนี้ คือ การแต่งตั้งระดับรองผู้บัญชาการและผู้บังคับการ ที่มีว่างถึง 59 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องให้พรรคเพื่อไทยถือโอกาสจัดทัพเอาคนของตัวเองเข้าคุมตำแหน่งต่างๆ เพื่อค้ำบัลลังก์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะตำแหน่งเหล่านี้ถือเป็นไม้เป็นมือให้รัฐบาลในการรับมือกับการเมืองที่ร้อนแรงในปีหน้า

งานนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ลงมาเขี่ยลูกเอง พร้อมกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่ต้องการดึงคนของตัวเองเข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่ดี

แม้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม กำชับแน่นๆ ว่า ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งแน่นอน หรือที่หน้าห้องทำงานของ พล.ต.ท.วินัย ติดป้ายหราว่า “ไม่รับวิ่งเต้น” แต่เรื่องนี้เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ เพราะถึงไม่ต้องวิ่งแข่งกัน แต่อยู่ที่ว่าเป็นคนของใคร ใครใหญ่ก็ต้องได้ขึ้น

สำหรับโผโยกย้ายครั้งนี้ เริ่มจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการ มีการโยกย้ายนายตำรวจใกล้ชิด ปชป.ออกไป ซึ่งแว่วว่าเด้งเกือบยกแผง อาทิ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบช.น. นายตำรวจที่ใกล้ชิดกับ ปชป.โดนเด้งเช่นกัน ออกไปนั่งรอง ผบช.สำนักงานตรวจสอบภายใน ไร้กำลังพล ถนัดเป็น “มือปราบนักกฎหมาย”

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ถูกโยกไปนั่งรอง ผบช.ศ. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. นรต.รุ่น 36 คนใกล้ชิด “บิ๊กแป๊ะ” อดีต ผบช.น. ที่ถูกเด้งไปก่อนหน้า ไปนั่งรอง ผบช.ปส. รวมถึง พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร เพื่อนร่วมรุ่นของ “บิ๊กน้อย” พล.ต.อ.วิเชียร ส่วน พล.ต.ต.ศักดา ชื่นภักดี รอง ผบช.น. ข้ามห้วยไปนั่งรอง ผบช.ก. แทน

ขณะที่คนมาแทน เห็นหน้าค่าตาก็พอจะรู้เรื่อง พล.ต.ต.พิสิษฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบช.ก. เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.วินัย ขยับมาเป็น รอง ผบช.น. รวมถึง “ผู้การหูดำ” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ผงาดขึ้นเป็นรอง ผบช.น. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ นรต.รุ่น 34 ผบก.สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน สำนักงานกฎหมายและคดี สายตรง ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา คนใกล้ชิด “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเป็นรอง ผบช.น. มาทั้งแผงเหมือนกัน รวมถึง พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ นรต.รุ่น 37 รอง ผบช.ปส. เพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ยิ่งลักษณ์ ข้ามห้วยมาเป็นรอง ผบช.น.

ในระดับผู้บังคับการที่น่าสนใจไม่ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกองบังคับการตำรวจนครบาล (ผบก.น.) 19 สายเก่าที่เป็นคนของ ปชป. หรือฝั่งตรงข้ามโดนเด้งหมด พร้อมส่งคนของตัวเองลงเต็มพื้นที่ เช่น พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 ได้แรงส่งดีจาก วิชาญ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ยังคงเหนียว แต่ข้ามห้วยเป็น ผบก.น.3 พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผบก.สส.ศชต. นรต.รุ่น 34 ได้แรงหนุนจากยงยุทธ โยกเป็น ผบก.น.4 พ.ต.อ.วัลลภ ประทุมเมือง รอง ผบก.น.9 สายตรง “สารวัตรเหลิม” ขึ้นคุมพื้นที่ทองคำกลางเมือง นั่ง ผบก.น.6

ด้าน พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี ผบก.อก.ภ.7 คนสนิท “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. และเคยดูแลบ้านจันทร์ส่องหล้า เป็น ผบก.น.8 พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร ผบก.อก.บช.ส. นรต.รุ่น 31 คนสนิท พล.ต.อ.ปานศิริ เป็น ผบก.น.7 พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.ยุทธศาสตร์ บช.น. อดีต ผบก.น.7 ที่มีความใกล้ชิดกับคุณหญิงพจมาน โยกมาเป็น ผบก.น.2

พ.ต.อ.พชร บุญญสิทธิ์ รอง ผบก.น.4 ขึ้น ผบก.น.1 พ.ต.อ.รัชดากรณ์ ยิ่งยง รอง ผบก.กองวิจัย สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ นรต.32 รุ่นเดียวกับ ผบช.น. และได้อาวุโสได้ขึ้นมาเป็น ผบก.น.9 พล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว ผบก.ศฝร.ภ.6 ลูกน้องเก่า พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ อดีตรอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.น.5

ทั้งหมดถือเป็นการล้างขั้วเก่าออกไปแล้วเอาคนของตัวเองมาเสียบ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้รัฐบาล แม้ตำรวจหลายนายมองเป็นเรื่องธรรมดาที่การโยกย้ายของตำรวจต้องมีการเมืองเข้ามาแทรกอยู่ร่ำไป แต่รัฐตำรวจในยุคของเพื่อไทย ต้องจับตาดูกันอย่ากะพริบ ว่าจะอุ้มชูรัฐบาลได้แค่ไหน กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นบทพิสูจน์