posttoday

ปรับ ครม. เมกอัพหน้ายิ่งลักษณ์

07 ธันวาคม 2554

หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านพ้นไปกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

โดย...ทีมข่าวการเมือง

หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านพ้นไปกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ไม่ใช่มาจากฝ่ายค้านที่เรียกร้องให้ปรับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ออกจาก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ที่ล้มเหลวในการแก้ปัญหาน้ำท่วม

แต่กลุ่มก๊วนในพรรคเพื่อไทยที่อกหักไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็อาศัยจังหวะนี้ผสมโรง กดดันให้ปรับ ครม. เพราะเป็นเงื่อนเวลาใกล้กับที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เคยประกาศเมื่อตอนรับตำแหน่งว่าจะพิจารณาปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีหากทำงานครบ 6 เดือน ซึ่งก็จะตกในเดือน ก.พ. 2555

แรงกดดันหลังการอภิปรายไม่เฉพาะมีต่อตัว พล.ต.อ.ประชา เป้าเดี่ยวของฝ่ายค้าน แต่รวมถึงรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพที่จมน้ำไปกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม

วิกฤตอุทกภัยครั้งนี้ทำให้คนไทยเห็นว่าใน ครม.คนไหนมีฝีมือ หรือจมไปกับกระแสน้ำ

นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่มีประสบการณ์การเมืองมาก่อน แต่ก้าวพรวดขึ้นเป็นผู้นำประเทศเพราะพี่ชายสั่งให้มาเป็น ทำให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ถูกเปลือยความสามารถจน “เอาไม่อยู่” ทักษิณ ชินวัตร ฉุนขาดรัฐมนตรีรอบตัวทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้น้องสาวโดนสปอตไลต์ส่องเห็นว่าไร้ประสิทธิภาพ จาก “สวย” เป็น “ไม่สวย”

ปรับ ครม. เมกอัพหน้ายิ่งลักษณ์

เมื่อเป้าใหญ่นายกรัฐมนตรีมีรอยด่าง ก็ต้องหาเครื่องมือมาแต่งสวยให้ดูดีในสายตาประชาชน

การปรับ ครม.เป็นกลไกหนึ่ง โดยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้ให้รัฐมนตรีแต่ละคนสรุปผลงาน 3 เดือน ว่าทำอะไรบ้าง เป็นข้อมูลประกอบการปรับ ครม.

แต่เอาเข้าจริงอำนาจการปรับ ครม.ไม่ได้ขึ้นกับ ยิ่งลักษณ์ ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของพี่ทักษิณ ที่ยังเป็นศูนย์อำนาจใหญ่ของพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดง

โดยเฉพาะความขัดแย้งที่ร้อนที่สุดในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่ที่กระทรวงคมนาคม ที่เกิดเกาเหลาระหว่างรัฐมนตรีจากพรรคเดียวกัน จากการแบ่งงาน เพราะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่มีอยู่ 10 กว่าหน่วยงาน หลักๆ พล.อ.อ.สุกำพล ดูแลเอง รวมถึงปัญหาการแต่งตั้งบอร์ดต่างๆ

2 รัฐมนตรีช่วย+เลขานุการ รมว.คมนาคม ออกมาไล่ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการของตัวเอง

ถึงขนาดที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม บินไปฟ้องทักษิณที่ฮ่องกงเป็นครั้งที่ 2 รวมก่อนหน้านี้เลขานุการของ พล.อ.อ.สุกำพล ก็ทนไม่ได้ ไปหาทักษิณที่อินเดีย สรุปปัญหาคือ “บิ๊กโอ๋” ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่แบ่งงาน และยังเข้ามาล้วงลูกอีก

กระทรวงคมนาคมมีเค้กก้อนโตจากโครงการก่อสร้างมหาศาลที่ดูแลอยู่ จึงเป็นปัจจัยที่บรรดา “เสือ-สิงห์” อยากมีอำนาจ ไม่อยากเป็นยักษ์ไม่มีกระบอง

แต่ พล.อ.อ.สุกำพล นายทหาร ตท.10 รุ่นเดียวกับทักษิณ เป็นสายแข็งที่ส่งตรงจาก “ทักษิณ-พจมาน” ให้มาคุมกระทรวงนี้ ชนิดแหกโค้งสุดท้ายเบียดตัวเต็งอย่าง “สันติ พร้อมพัฒน์” กระทั่ง พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ตท.10 ที่ติดชื่อตอนแรกยังหลุดโผ

ส่วน 2 รมช.คมนาคม พล.ต.ท.ชัจจ์ กับ กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ก็เป็นสายตรงทักษิณ ซึ่งเชื่อว่าที่สุดจะไม่มีการปรับเปลี่ยนเก้าอี้ แต่อาจประนีประนอม หรือเกลี่ยหน่วยงานกันให้ใหม่

นอกจากเป้าอยู่ที่ รมว.คมนาคม แล้ว ยังมีรัฐมนตรีที่ไร้ประสิทธิภาพและโลกลืมที่อาจถูกปรับเปลี่ยนพักงานได้

เช่น ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ มท.1 สันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมฯ บุญรื่น ศรีธเรศ รมช.ศึกษา พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ รมช.เกษตรฯ สุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล รมช.ศึกษา

โดยเฉพาะ ยงยุทธ ถูกวิจารณ์หนักว่าทำงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่สมกับที่วางตัวเป็นนายกฯ สำรอง ยังต้องเจอปัญหาทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่เจ้าตัวดูแลอยู่เป็นผู้จัดซื้อ

วงในเพื่อไทยที่ไปคุยกับทักษิณ บอกว่า ทักษิณอาจให้มีการปรับ ครม.เล็กหลังปีใหม่ ไม่รอไปจนถึงกลางปี เดือน พ.ค. ที่กลุ่ม 111 ไทยรักไทยจะกลับมาเล่นการเมืองได้หลังพ้นโทษเว้นวรรค 5 ปี

แต่ที่แน่ๆ รัฐมนตรีที่แบเบอร์ไม่น่าหลุดจากตำแหน่ง คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ และ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ แม้ทั้งสองจะเป็น “สายล่อฟ้า” ที่พยายามช่วยนายใหญ่ ทั้งออก พ.ร.ฎ.นิรโทษกรรม และทำพาสปอร์ตให้ทักษิณ ทำให้กลุ่มคัดค้านออกมาต่อต้าน แต่ในมุมกลับ กรณีนี้ถือเป็นผลงานเข้าตาทักษิณมากที่สุด

การปรับ ครม.ที่อาจเกิดขึ้นหลังปีใหม่ สลับปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อเสริมภาพลักษณ์รัฐบาลยิ่งลักษณ์หลังถูกน้ำท่วมจนเสียโฉม จะได้เดินหน้าสู่การทำภารกิจใหญ่ให้ทักษิณในปีหน้าที่ต้องมี “พลังส่ง” หักกับแรงต่อต้านทุกรูปแบบ ทั้งการนิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ