posttoday

4เดือน 'ยิ่งลักษณ์'ให้ของขวัญ'ชินวัตร'ผูกปมขัดแย้งใหม่

05 ธันวาคม 2554

กลายเป็นประเด็นร้อนไม่จบสิ้น เมื่อ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ จุดกระแสเตรียมคืนหนังสือเดินทาง

โดย...ทีมข่าวการเมือง

กลายเป็นประเด็นร้อนไม่จบสิ้น เมื่อ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ จุดกระแสเตรียมคืนหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

หลังจากถูกยึดในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ติดคุก และมีความจำเป็นที่จะต้องนำตัวมารับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีการซื้อขายที่ดินถนนรัชดาภิเษก

“คงไม่ต้องรอถึงปีใหม่แล้ว เพราะสามารถคืนพาสปอร์ตได้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อคืนสิทธิพื้นฐานของประชาชนไทยตามรัฐธรรมนูญ ที่จะช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในต่างประเทศโดยถือพาสปอร์ตไทย”

เป็นท่าทีจากเจ้ากระทรวงบัวแก้ว ท่ามกลางข้อกังขาของคนทั้งประเทศอีกครั้งว่า รัฐบาลชุดนี้ภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังดำเนินนโยบายรัฐเพื่อประโยชน์ของคนเพียงคนเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่

4เดือน 'ยิ่งลักษณ์'ให้ของขวัญ'ชินวัตร'ผูกปมขัดแย้งใหม่

ทั้งที่ประเทศไทยเวลานี้กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาน้ำท่วมขังอยู่ในหลายพื้นที่ ประกอบกับรัฐบาลเคยประกาศว่าจะทำให้พื้นที่น้ำท่วมขังแห้งให้ทันก่อนวันมหามงคล

กระทั่งสุดท้ายก็ออกมายอมรับว่าไม่สามารถทำได้ และทำท่าจะมีบางพื้นที่ที่ต้องทนกับสภาพน้ำท่วมต่อเนื่องยาวไปจนถึงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เลยทีเดียว

ปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่กำลังได้ของขวัญที่เป็นรูปธรรมที่สุดจากรัฐบาลของน้องสาวตัวเอง

ใช่ว่ากรณีของการคืนหนังสือเดินทางจะเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ครอบครัวชินวัตรได้รับในช่วงการเมืองเปลี่ยนขั้วอำนาจจากพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นพรรคเพื่อไทย แต่ตลอด 45 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น ครอบครัวชินวัตรได้รับอานิสงส์ไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งดูสวนทางกับผลงานของรัฐบาลตามที่ได้ประกาศหาเสียงเอาไว้ก่อนหน้านี้

เดือน ก.ย. พานทองแท้-พินทองทา หลานรักของยิ่งลักษณ์ กลายเป็นบุคคลกลุ่มแรกที่ได้รับอานิสงส์จากรัฐบาลใหม่ ภายหลังกรมสรรพากรตัดสินใจไม่ยื่นเรื่องอุทธรณ์ศาลภาษีในการเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.2 หมื่นล้านบาท จากพานทองแท้และพินทองทา โดยอ้างว่าศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ใช่เจ้าของหุ้นตัวจริง

ในเดือนเดียวกัน อัยการสูงสุด ไม่ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาให้พิจารณาคดีการเลี่ยงภาษีหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น หลังศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และรอลงอาญา บรรณพจน์ ดามาพงศ์

นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่อัยการสูงสุดเผชิญกับคำถามมากที่สุดว่า ทำไมเหตุใดถึงไม่ยื่นให้ศาลฎีกาพิจารณาเพื่อให้มีคำพิพากษาเป็นบรรทัดฐานแก่สังคม แต่สุดท้ายอัยการก็ไม่ได้ให้ความชัดเจน นอกจากคำว่า “พิจารณารอบคอบแล้ว”

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เป็นอีกคนที่ได้รับของขวัญจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในช่วงเดือน ก.ย.เช่นกัน ด้วยตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ถือว่าถึงฝั่งฝันเสียทีกับตำแหน่งนี้ เพราะถูกดองในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. มาเป็นเวลานาน ตั้งแต่รัฐบาลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อยมาจนถึงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

การได้ตำแหน่งมาของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ต้องแลกกับแรงเสียดทานและข้อครหาเป็นอย่างมาก เพราะรัฐบาลได้บีบ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ให้ออกจากตำแหน่ง โดยโยกไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แทน ถวิล เปลี่ยนศรี

แต่วาระที่ดูจะสร้างความขัดแย้งได้รุนแรงที่สุด หนีไม่พ้นความพยายามช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านรูปแบบต่างๆ

เริ่มตั้งแต่แนวทางออก พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอพระราชทานอภัยโทษ ด้วยตัดเงื่อนไขบางประการออกไปเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ารับการขอพระราชทานอภัยโทษในโอกาสครบ 7 รอบ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จนเกิดกระแสต่อต้านรุนแรงขึ้นเสียก่อนจากเครือข่ายคัดค้านการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่ารัฐบาลทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ควรเอาสมาธิไปแก้ไขปัญหาน้ำท่วมก่อนแก้ไขปัญหาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ จนที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องออกแถลงการณ์ไม่ขอรับการอภัยโทษ เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐบาลเอาไว้

แม้ว่ารัฐบาลจะถอยไม่เป็นท่ากับการออก พ.ร.ฎ. แต่ก็มีความพยายามครั้งใหม่ โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ประกาศว่าจะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ทุกกลุ่ม รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่รอดูจังหวะความเหมาะสมเท่านั้น โดยพร้อมใช้เสียงข้างมากให้สภาผู้แทนราษฎรผลักดันกฎหมายฉบับนี้

แน่นอนว่าต้องมีบทบัญญัติที่นำไปสู่การตีความสร้างประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้านใดด้านหนึ่ง

ทั้งหมดนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังดำเนินนโยบายรัฐที่เร่งเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะคนในเครือข่ายชินวัตร เป็นพฤติกรรมที่ดูสวนทางกับคำแถลงรับตำแหน่งของนายกฯ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. อย่างสิ้นเชิง

“ดิฉันจะมุ่งมั่น สร้างสุข สลายทุกข์ ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังความสามารถ ดิฉันจะไม่ทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะทำเพื่อประเทศชาติและคนไทยทุกคน”

พฤติกรรมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จึงสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งในสังคมอีกรอบ

เริ่มต้นก็ออกตัวแรง เมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ผู้คนเดือดร้อนจำนวนมาก และรอการเยียวยาจากรัฐบาล รัฐบาลก็หาช่องช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไม่ลดละ และเมื่อน้ำกำลังลด ก็ยังเดินหน้าเร่งคืนพาสปอร์ตเป็นของขวัญปีใหม่ให้

ถ้ายังเร่งช่วยเหลือวงศ์ตระกูล มากกว่าสนใจปัญหาปากท้องและความเดือดร้อนของชาวบ้านก็ยิ่งปลุกให้เกิดความวุ่นวายตามมาไม่รู้จบ...