posttoday

พรฏ.อภัยโทษเรียกแขก...ฟื้นพธม.

17 พฤศจิกายน 2554

ทุ่มหมดหน้าตักกับภารกิจพา “ทักษิณ” กลับบ้าน !!!

ทุ่มหมดหน้าตักกับภารกิจพา “ทักษิณ” กลับบ้าน !!!

ไพ่ใบสุดท้ายอย่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ที่รัฐบาลตัดสินใจเข็นออกมาท่ามกลางวิกฤตน้ำท่วม แม้รู้ทั้งรู้ว่าจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระลอกใหม่ แต่ดันไปสอดรับกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยขีดเส้นว่าจะกลับมาช่วงเดือน ธ.ค. เพื่อร่วมงานแต่งงานลูกสาว

ทุกอย่างเหมือนเป็นหมากที่วางแผนมาหลายตลบ เตรียมการมาเป็นอย่างดีเพื่อปูทางไปสู่เป้าหมายสูงสุด แม้จะต้องยอมเสี่ยงกับเสียงต้านเสียงค้านทั้งจากมวลชนและอำนาจนอกระบบ

แม้จะยังปกปิดเป็นความลับ แต่ข้อมูลที่หลุดออกมาพบว่าเนื้อหาใน พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ถูกล็อกสเปกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งเรื่องอายุเกิน 60 ปี โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน โดยเฉพาะการตัดถ้อยความข้อยกเว้นเรื่องโทษที่เกี่ยวกับยาเสพติดและคอร์รัปชันออกไป

เพื่อลดแรงเสียดทานที่จะส่งตรงไปถึง“ยิ่งลักษณ์” ในฐานะน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณการจัดฉากที่ดูไม่แนบเนียนจึงเกิดขึ้น ทั้งวาง “ยิ่งลักษณ์” ไปติดภารกิจที่ จ.สิงห์บุรี ไม่สามารถกลับมานั่งหัวโต๊ะประชุม ครม. ส่งไม้ให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี รับภารกิจหินครั้งนี้

ทว่าข้อมูลที่ตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางเทคนิคของเฮลิคอปเตอร์ที่ว่ากันว่าเป็นเหตุให้นายกฯ ต้องนอนค้างสิงห์บุรี ไปจนถึงเรื่องที่การตัดสินใจไปบันทึกเทปแทนการเข้าประชุม ครม.ที่ยังพอมีเวลาหลังจากกลับมาถึง กทม. ล้วนแต่ตอกย้ำถึงความผิดปกติ

พรฏ.อภัยโทษเรียกแขก...ฟื้นพธม.

ต้องยอมรับว่าตั้งแต่รัฐบาลเข้าทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง อาการลุกลี้ลุกลนเดินหน้าพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ เหมือนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลทุ่มสุดตัวพยายามผลักดันให้เป็นรูปเป็นร่างด้วยวิธีการต่างๆ

ไล่มาตั้งแต่การปัดฝุ่นหยิบเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ของกลุ่มเสื้อแดงกว่า 3 ล้านรายชื่อ ที่ถูกดองไว้นานในช่วงรัฐบาลประชาธิปัตย์ขึ้นมาพิจารณาเร่งด่วน แต่สุดท้ายก็ต้องชะงักไปเมื่อติดเงื่อนไขสำคัญ ด้วยการไม่เคยรับโทษมาก่อนและกำลังหลบหนีคดี

ถัดมาที่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือการเสนอแก้ไข รัฐธรรมนูญที่กำลังเดินหน้าไปตามกระบวนการ แต่ทว่าหากเป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่างดูจะกินเวลาข้ามปี โดยเฉพาะในวันที่คนทั้งชาติกำลังให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำลด

ยังไม่รวมกับกระแสข้อเสนอจากหลายฝ่าย อาทิ คณะนิติราษฎร์ที่เรียกร้องให้ล้มเลิกคำพิพากษาของศาลฎีกา ย้อนเหตุการณ์กลับไปก่อนปฏิวัติที่มีเสียงวิจารณ์คัดค้านตามมา

แต่แนวทางต่างๆ กว่าจะทำได้ก็ช้ามาก ต้องใช้ทางด่วนอย่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นความเสี่ยงสูงสุดที่รัฐบาลยอมแลก !!!

ล่าสุด โจทก์เก่าอย่าง “เสื้อเหลือง” พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศจองกฐินพร้อมออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องนี้แบบเต็มตัว

ชัดเจนตามแถลงการณ์ฉบับที่ 7/2554 “รำลึก 3 ปีวีรชน 193 วัน กับก้าวต่อไปของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ซึ่งประกาศในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะเคลื่อนมวลชนออกมาชุมนุมทันทีเมื่อมีการตรากฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ

ทว่า พลังความเข้มแข็งที่เคยปักหลักชุมนุมยืดเยื้อขับไล่รัฐบาลทักษิณในวันนั้น ยังเป็นที่กังขาว่าจะกลับมาเหนียวแน่นดังเดิมได้หรือไม่ โดยเฉพาะหลังจากเกิดความแตกแยกภายในอย่างรุนแรงหลังจากออกมาตั้งพรรคการเมืองเต็มตัว

แต่ล่าสุดสัญญาณจาก สนธิ ลิ้มทองกุลหัวขบวนเสื้อเหลืองที่ออกมาประกาศชัดเจนว่าจะไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ และกำลังจะพิจารณาเนื้อหาสาระของ พ.ร.ฎ.นี้อย่างรอบคอบ และจะประชุมกันเพื่อกำหนดท่าทีโดยเร็วที่สุด

“เราจะไม่อยู่เฉย เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ และถือเป็นการกดดันสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะเราก็พูดมานานแล้วว่าถ้าไม่ละเมิดสถาบันหรือช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ เราก็จะอยู่เฉยๆ แต่การทำอย่างนี้ถือเป็นการท้าทายประชาชน รวมถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ที่รักความเป็นธรรม และรักพระเจ้าอยู่หัวทั้งประเทศ ผมเตือนว่าพรรคเพื่อไทยต้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหลัง พวกเราจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่นอน”

ตามมาด้วยกลุ่ม 40 สว. ที่ออกมาเคลื่อนไหวชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.ฎ.นี้ รวมไปถึงเครือข่ายภาคประชาชน อย่างเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบันล่าชื่อยื่นฎีกาถวายคัดค้าน ครม. ออก พ.ร.ฎ. ซึ่งมีประชาชนกว่า 200 คน เข้าร่วมรับฟัง และลงชื่อร่วมถวายฎีกา

พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ จึงกลายเป็นการ “เรียกแขก” ดึงให้คู่ขัดแย้งจากระบอบทักษิณในอดีตที่กระจัดกระจายไปนาน ให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

มิพักต้องพูดไปถึงการปฏิวัติรัฐประหารที่หลายฝ่ายพยายามออกมาตีกัน แม้ในข้อเท็จจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่อำนาจนอกระบบจะอาศัยความไม่ปกติของสังคมเข้ามารีเซตระบบอย่างที่เคยทำๆ เมื่อบทเรียนความบอบช้ำในอดีตยังตามหลอกหลอนจนถึงวันนี้

ลำพังเสียงของเพื่อไทยในสภาก็ท่วมท้นเกินกว่าที่จะเกิด “งูเห่าภาค 3” หรือการที่กองทัพเข้ามามีอำนาจช่วยพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลได้ในสถานการณ์เช่นนี้

การฟื้นคืนของพันธมิตรฯ และมวลชนกลุ่มใหม่ที่จะออกมาคัดค้าน พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ จึงจะเป็นแรงเสียดทานที่รัฐบาลกำลังจะต้องเผชิญ และซ้ำเติมให้การบริหารที่กระท่อนกระแท่นอยู่แล้ว ให้เลวร้ายหนักขึ้นเรื่อยๆ