posttoday

สารพัดสูตรช่วยแม้วกระพือแรงต้าน

22 กันยายน 2554

เริ่มงานได้แค่เดือนกว่า แต่ถูกวิจารณ์หนัก คือความพยายามแก้ไขคดีความต่างๆ

เริ่มงานได้แค่เดือนกว่า แต่ถูกวิจารณ์หนัก คือความพยายามแก้ไขคดีความต่างๆ

โดย...ทีมข่าวการเมือง

เริ่มงานได้แค่เดือนกว่า แต่ถูกวิจารณ์หนัก คือความพยายามแก้ไขคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย หลังการยึดอำนาจ 19 กันยา 2549

โดยอ้างว่า คดีเหล่านี้เป็นคดีการเมือง เมื่อต้นไม้เป็นพิษซึ่งเกิดจากการรัฐประหาร ผลไม้ที่ออกมาจึงเป็นพิษตาม

เป้าหมายของรัฐบาลจึงต้อง “เร่งแก้ไข” ตามคำประกาศของนายกฯ หญิง พุ่งเป้าไปที่การช่วยเหลือทักษิณ ที่ติดโทษคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้จำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ทำให้ทักษิณหนีออกจากประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้

คดีอีกกลุ่ม เกิดกับแกนนำเสื้อแดงในช่วงต่อสู้ชิงอำนาจช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน คือ เหตุการณ์สงกรานต์เลือดปี 2552 และ พฤษภาเลือดปี 2553 ที่คนเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ล้มอำมาตย์และขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่สำเร็จ

สารพัดสูตรช่วยแม้วกระพือแรงต้าน

 

แกนนำเสื้อแดงโดนคดีมากมาย หนักสุดคือ คดีก่อการร้ายที่หลายคนถูกดีเอสไอส่งฟ้อง จนตกเป็นจำเลย ยังมีคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คดีล้มเจ้า เป็นชนักติดหลังอยู่

รัฐบาลจึงวุ่นอยู่กับการ แก้ไขปนแก้แค้น ด้วยสูตรและยุทธวิธีต่างๆ รวมถึงกลุ่มเครือข่ายที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยโดยเสนอแนวทาง ถอดรื้อกฎหมาย แก้คดีความให้เกิดความเป็นธรรม

ประเมินกันว่า รัฐบาลต้องรีบชิงจังหวะตอนนี้จนถึงต้นปีหน้าเพราะยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และถ้าช้ากว่านี้ แล้วมาเดินเรื่องร้อนก็อาจทำให้รัฐบาลพังได้

สูตรปรองดองที่ยิ่งลักษณ์เดินอยู่ ล่าสุด รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ชื่อว่า “คณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคอป.” โดยให้ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นประธาน

การตั้งคณะกรรมการชุดนี้เป็นผลจากที่ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ได้นำเสนอผลสรุปการสร้างปรองดองต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์

สาระหลักๆ คือ ให้ทบทวนการตั้งข้อหาที่รุนแรงเกินควร เยียวยาฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรงทางการเมืองตั้งแต่หลังการปฏิวัติ 19 กันยา

ซึ่ง “วัฒนา เมืองสุข” มือทำงานปรองดองของรัฐบาล ได้อธิบายก่อนหน้านี้ว่า ข้อเสนอของ คอป. คือ การหยุดคดีแกนนำเสื้อเหลือง และเสื้อแดงทุกคดี ทั้งคดีก่อการร้าย และคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นับหนึ่งสู่การสมานฉันท์

เมื่อ คอป.ส่งข้อเสนอ รัฐบาลจึงเด้งรับอย่างรวดเร็ว โดยออกมติ ครม.ตั้งคณะกรรมการชุด ยงยุทธ มีเป้าหมายเยียวยาและประสานยัง “ตำรวจ-อัยการ-ศาล” เพื่อให้หยุดคดีแกนนำ “เหลืองแดง” เช่น ไม่ส่งฟ้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบ

สอดรับกับ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์วานนี้ว่า ข้อกล่าวหาว่าก่อการร้าย เป็นข้อหาเถื่อนโดยรัฐบาลชุดที่แล้วใช้อำนาจ ศอฉ. แต่รัฐบาลชุดใหม่ ทั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กำลังปลดล็อกด้วยการถอนข้อกล่าวหานี้

สูตรปรองดองให้หยุดคดี ทำได้ไม่ช้าและไม่เร็วเกินไป ที่สำคัญมี คอป.เป็นฐานส่งจึงสร้างความชอบธรรมได้มาก และรัฐบาลก็หวังกับแนวทางนี้สูง เพราะได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า รวมถึงเสื้อเหลืองที่ใช้เป็นยันต์กันเหนียวได้

แต่ต้องติดตามว่า รัฐบาลจะใช้ คอป.ขยายประเด็นให้รวมถึงการนิรโทษกรรมคดีทุจริตที่ทักษิณติดบ่วงคุก 2 ปีอยู่ด้วยหรือไม่

อีกแนวทางคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะเริ่มในต้นปีหน้า แต่อาจต้องใช้เวลาแรมปี เพราะเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่รัฐสภายุคเพื่อไทยจะตั้งขึ้น

เป้าหมายสูงสุดของการแก้รัฐธรรมนูญคือ จัดโครงสร้างการเมืองใหม่ โดยเฉพาะกรรมการในองค์กรอิสระชุดปัจจุบันอาจต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีภายหลังรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บังคับใช้ รวมถึงให้มีการนิรโทษกรรมทุกคดีหลังยึดอำนาจ 19 กันยา

ถ้าต่อจิ๊กซอว์แนวทางนี้ ก็จะเห็นความเคลื่อนไหวใกล้เคียงกันที่รัฐบาลตั้งให้ “อุกฤษ มงคลนาวิน” เป็นประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ซึ่ง “อุกฤษ” เป็นยาสามัญประจำบ้านในยุครัฐบาลทักษิณ ที่ถูกเรียกใช้บริการมาตลอด

แม้ว่าคณะกรรมการชุดอุกฤษจะไม่มีอำนาจ แต่ก็เชื่อว่า อุกฤษจะชี้ช่องให้แก้ไข ผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่หลังรัฐประหาร ตอกย้ำให้รัฐบาลใช้ไปอ้างหรือให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเดินตามรอยของแนวคิดอุกฤษ

เช่นเดียวกับ กลุ่มนิติราษฎร์ คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งสนับสนุนแนวทางของพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงมาตลอด ก็ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาล ลบล้างทุกสิ่งที่เกิดจากการรัฐประหาร 19 กันยา และให้คดีที่ คตส.ตรวจสอบการคอร์รัปชันกับเครือข่ายทักษิณโมฆะลง

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การตั้งอุกฤษเป็นประธานรื้อกฎหมาย “แก้ไขแก้แค้น” และการขับเคลื่อนของกลุ่มนิติราษฎร์ ดูสอดรับเป็น “กระบวนการ” ผลปฏิบัติจึงมุ่งไปที่การแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่

อีกสูตรที่ทักษิณใช้ คือ ให้พลพรรคฟื้นเกมยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยกระทรวงยุติธรรมได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบปัญหาและอุปสรรค ตั้งเป้าว่าจะเดินเครื่องก่อนวันที่ 5 ธ.ค. ที่เชื่อว่าจะมีข่าวดี

ด้วยเกมที่เดินเหล่านี้ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรว่า เพื่อความปรองดอง หรือเป็นการแก้ไขให้ถูกต้อง แต่บรรยากาศขณะนี้ ทักษิณเร่งเครื่องแรงจนน่ากลัว ทั้งการเคลื่อนไหวไปกัมพูชา ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ตอบสนองช่วยเหลือทักษิณ ต่างๆ นานา ล่าสุด ที่ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ แย้มว่า จะพิจารณาคืนพาสปอร์ตเล่มแดงให้ทักษิณ เพราะทักษิณไม่ผิด

เมื่อบรรยากาศไม่ชวนให้ปรองดองเช่นนี้ การหักดิบช่วยทักษิณด้วยสารพัดสูตร น่าจะเกิดแรงต้านตามมา สถานการณ์ปัจจุบันจึงอึมครึมจนเกรงว่า จะเกิดวิกฤตรอบใหม่ขึ้น