posttoday

พระนายนั่งปลัด มท.แผนกินรวบทักษิณ

21 กันยายน 2554

ในที่สุด ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ก็เด้ง “วิเชียร ชวลิต”

ในที่สุด ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ก็เด้ง “วิเชียร ชวลิต”

พ้นปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. และแต่งตั้ง “พระนาย สุวรรณรัฐ” รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยต่อไป

การโยก วิเชียร ครั้งนี้ไม่มีอะไรนอกเหนือความคาดหมาย ทว่าหลายคนสงสัย ตั้งคำถามว่าปลัดกระทรวงคนใหม่ไฉนจึงเป็น “พระนาย” ทำไมไม่เป็นคนที่ใกล้ชิดพรรคเพื่อไทย หรือคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหมือนกับหลายกระทรวงที่ผ่านมา

พระนายนั่งปลัด มท.แผนกินรวบทักษิณ

ทั้งที่ “พระนาย” เป็นน้อง “พลากร สุวรรณรัตน์” องคมตรี ซึ่งสนิทชิดเชื้อกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งทางฝ่ายทักษิณและคนเสื้อแดงมองว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตถึงขั้นผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ พร้อมประกาศล้มระบบอำมาตย์ในช่วงที่ผ่านมา

ว่ากันตามจริง “ปลัดกระทรวงมหาดไทย” ยงยุทธ พรรคเพื่อไทย หรือทักษิณ ไม่มีทางเลือกมากนักในการที่จะใช้คนของตัวเองมาคุม เพราะเนื่องจากไม่อยากเปิดศึกรอบด้าน

ขณะเดียวกันก็ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้กระทรวงมหาดไทยฟื้นขึ้นมาจากยุคของ “เนวิน ชิดชอบ” เรืองอำนาจ ที่ถูกวิจารณ์ว่าทำลายระบบอาวุโสจนลูกหม้อเก่าในกระทรวงสาย พล.อ.เปรม ออกมาต่อต้านจนเกิดระหองระแหงกัน

ที่สำคัญการเลือก “พระนาย” อาจเป็นไปได้ว่าทักษิณต้องการส่งสัญญาณสงบศึกกับ พล.อ.เปรม เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะต้องสู้รบปรบมือกันอีกต่อไป เพราะมีแต่จะเจ็บตัว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าระยะหลังมานี้ สส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงต่างไม่พูดพาดพิงถึง พล.อ.เปรม เลย

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปดูเส้นทางการรับราชการของ “พระนาย” ก็ใช่ว่าจะไม่คุ้นเคยกับทักษิณเสียทีเดียว

ทั้งนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเขาเติบโตในยุครัฐบาลทักษิณด้วยซ้ำไป เพราะขึ้นเป็น ผวจ.สิงห์บุรี ในปี 2546 และกระโดดมาเป็น ผวจ.นนทบุรี ตามลำดับ ก่อนที่จะข้ามห้วยมาเป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่เพิ่งถูกฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในรัฐบาล คมช. ที่อุดมไปด้วยลูกป๋า และครองตำแหน่ง ผู้อำนวยการ ศอ.บต. จนถึงปี 2551 และรั้งตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยมาจนถึงปัจจุบัน

ดังนั้น การเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยของ “พระนาย” จึงไร้เสียงคัดค้าน เพราะหากพิจารณาไปถึงหลักอาวุโส “พระนาย” อาวุโสมากกว่าใครเพื่อน ซึ่งผิดตอนที่พรรคภูมิใจไทยครองอำนาจและดัน “มานิต วัฒนเสน” และ “วิเชียร” ขึ้นมาเป็นปลัด แม้ทั้งคู่จะอยู่ลำดับท้ายๆ ของบัญชีรายชื่อ ทำให้ “พระนาย” ต้องพลาดโอกาสขึ้นสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมา 2 ครั้งซ้อน นี่จึงเป็นเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยสามารถนำมาอ้างได้ว่าการโยกย้าย พระนาย ขึ้นสู่ปลัด คือความเหมาะสมจริงๆ และลบภาพที่เสียหายจากการแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงที่ภูมิใจไทยเถลิงอำนาจ

อีกประการหนึ่งตัว “พระนาย” เองก็มีจุดอ่อนอยู่บ้างตรงที่ไม่เคยเป็นอธิบดีกรมใดในกระทรวงมหาดไทย ทำให้ไม่มีขุมอำนาจเป็นของตัวเอง สามารถเปิดโอกาสให้ “ยงยุทธ” ในฐานะอดีตปลัดที่มีเครือข่ายอยู่มากมาย เข้ามาจัดการอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จ จึงเป็นอีกปัจจัยที่เพื่อไทยไม่รีรอตั้ง พระนาย เพราะการเกษียณอายุราชการล็อตใหญ่ในวันที่ 30 ก.ย. จะได้อาศัย “พระนาย” มารองรับกับการจัดทำโผโยกย้ายอธิบดีและผู้ว่าราชการจังหวัดได้ทันที

ขณะเดียวกัน “พระนาย” เหลืออายุราชการอีกเพียง 1 ปี ซึ่งจะทำให้ “ทักษิณ” สามารถปั้นคนในเครือข่ายขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงต่อจาก พระนาย ได้อีก

ทั้งนี้ มีเสียงกระเส็นกระสายมาแล้วว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า จะมีการจัดขุมกำลังอธิบดีในกระทรวงมหาดไทยกันใหม่ และมีโอกาสที่ “ประชา เตรัตน์” อดีต ผวจ.ชลบุรีและสุราษฎร์ธานี ซึ่งปัจจุบันถูกดองเป็นผู้ตรวจ จะก้าวไปเป็นอธิบดีกรมใดกรมหนึ่ง เพื่อก้าวเข้าสู่ตำแหน่งปลัดในปี 2557 ต่อไป หรือไม่ก็อาจเป็น “วิบูลย์ สงวนพงศ์” อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่จะเกษียณอายุในปี 2558 ขึ้นมาเป็นปลัดก็อาจเป็นได้ เพราะทั้งสองมีเลือดของสิงห์ดำที่จบจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ “ยงยุทธ” อย่างเหนียวแน่นด้วยกันทั้งคู่

แม้จะมีแรงกระเพื่อมจากคนในพรรคที่ไม่ต้องการให้ “กระทรวงมหาดไทย” เป็นภาพของกระทรวงอำมาตย์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดังพอที่จะทำให้ยงยุทธได้ยิน เพราะตัวเขาเองก็เป็นลูกหม้อกระทรวงมหาดไทยเก่า ย่อมเข้าใจดีว่าการโดนผู้อื่นข้ามหัวมารับตำแหน่งปลัดแทนนั้นเจ็บช้ำน้ำใจเพียงใด ด้วยเหตุดังนี้การเคาะเลือก “พระนาย” ขึ้นมาเป็นหัวแถวจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิ่งเต้นแย่งชิงกันเท่าไรนัก และมีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้นานถึง 3 สัปดาห์แล้ว

เพราะไม่ว่ายังไงเลือกที่จะ “เกี้ยเซี้ย” กับลูกป๋าก็น่าจะดีกว่า ด้วยเหตุนี้ “พระนาย” จึงลอยตัวขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างสะดวกโยธิน และไม่ว่ายังไงเกมนี้ก็วินวินทั้งคู่ “ยิ่งลักษณ์ยงยุทธทักษิณ” ได้ภาพของการเลือกข้าราชการเก่า ต้องการปรองดองกับป๋า ขณะที่ “พระนาย” ก็ได้นั่งเก้าอี้ปลัดอย่างสมใจ หลังจากที่ต้องรอคอยมายาวนาน

ส่วนวิเชียรเองก็ไปอยู่ในตำแหน่ง เลขาธิการและหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการบูรณาการแผนงานบริหารจัดการน้ำ นัยว่าจะได้ไม่ต้องไปนั่งตบยุงในที่ปรึกษาสำนักนายกฯ เหมือนกับคนอื่นๆ อย่างที่ ยงยุทธ พร่ำอธิบายกับสื่อตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

แน่นอน นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ภายในกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น เพราะไฮไลต์หลังจากนี้ยังมีอีกมากมาย เนื่องจากสัปดาห์หน้าก็มีคิวย้ายอธิบดี ผู้ตรวจ และผู้ว่าฯ ระดับ 10 อีก 20 คน รอให้จับตากันอย่างใกล้ชิด เข้าล็อกพรรคเพื่อไทยและ “ทักษิณ” ที่จะกระชับอำนาจภายในกระทรวงคลองหลอดกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

นี่คือเกมของพรรคเพื่อไทยที่ฝันถึงอำนาจอันหอมหวานมานาน และได้เวลากลับมาสร้างขุมกำลังของตัวเองอีกครั้ง

แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคำขวัญของกระทรวงที่ว่า “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” นั้นจะยังมีใครนึกถึงอยู่หรือไม่