posttoday

สร้างขุมข่ายมหาดไทยรักษาเสถียรภาพรัฐบาลปู

24 สิงหาคม 2554

กระทรวงมหาดไทยยุค “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ต้องจับตายิ่ง

โดย...ทีมข่าวการเมือง

กระทรวงมหาดไทยยุค “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ต้องจับตายิ่ง เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะใช้กลไกกระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนสร้างเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ให้ได้รับความนิยมจากรากหญ้าและให้อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด พร้อมกับสลายขุมกำลังเครือข่ายกลุ่ม “เนวิน ชิดชอบ” แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่สร้างเครือข่ายไว้ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา

ว่ากันตามจริงเป้าหมายของการให้ “ยงยุทธ” มานั่งในตำแหน่ง มท.1 เพื่อลดดีกรีความร้อนแรงลงไม่ให้ตกเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายสูญเสียอำนาจ ทั้งที่เก้าอี้ดังกล่าวมีการหมายปองของระดับบิ๊กในพรรคเพื่อไทยหลายคน อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ

อย่างไรก็ตาม ด้วยบุคลิกที่ประนีประนอม และเป็นอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำให้ “ยงยุทธ” ไร้แรงต้านจากข้าราชการสายเนวิน จึงทำให้ “ยงยุทธ” ไร้แรงกดดัน

สัญญาณแรกที่เห็นได้ชัดเจน คือ การจัดกระบวนทัพเสนาบดีภายในกระทรวงคลองหลอด ที่พรรคเพื่อไทยรวบอำนาจทั้งหมดของกระทรวงนี้ให้อยู่ในมือโดยไม่แบ่งให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเลย ทั้งที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ขอจองรัฐมนตรีช่วยให้ “ลูกยอด” ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ มาเป็น แต่ต้องกินแห้วเก้าอี้ไม่ว่าง ต้องไปเป็น รมช.พาณิชย์ แทน เพราะมีคุณสมบัติบ้านอยู่ใกล้กระทรวงพาณิชย์คือย่านสนามบินน้ำ

โควตารัฐมนตรีช่วย 2 คน จึงตกอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทยในสายของผู้เฒ่าวังน้ำเย็น “เสนาะ เทียนทอง” คือ “ชูชาติ หาญสวัสดิ์”สส.ปทุมธานี น้องชาย ชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ ขณะที่ “ฐานิสร์ เทียนทอง” หลานป๋าเหนาะมารั้ง มท.3

สร้างขุมข่ายมหาดไทยรักษาเสถียรภาพรัฐบาลปู

หลังจัดทัพเรียบร้อยแล้ว ภารกิจแรกของกระทรวงมหาดไทยก็คือการตั้งวอร์รูม ช่วยเหลือสถานการณ์อุทกภัย ทั้งในจังหวัดภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ภายใต้เชื่อมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)

ทั้งนี้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี มานั่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการประชุมสรุปสถานการณ์ถึงกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง ทบวง กรม

เรียกได้ว่าสร้างกระแสความนิยมกันสุดๆ เพื่อโชว์ให้เห็นถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของ “ยิ่งลักษณ์” ฉับไวกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์

นอกจากนี้ ภารกิจสำคัญของ “ยงยุทธ” ช่วงนี้คือ ต้องล้างบางขุมข่าย “ภูมิใจไทย” ทิ้งไว้ที่กระทรวงคลองหลอดแห่งนี้ ทั้งเรื่องโครงการในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ถูกกล่าวหาว่ากระจุกตัวในจังหวัดฐานเสียงของพรรคภูมิใจไทย ขณะที่เรื่องร้อนอื่นๆ ที่พรรคภูมิใจไทยไข่ทิ้งไว้ เช่น โครงการคอมพิวเตอร์ฉาวมูลค่า 3,490 ล้านบาท หรือโครงการอาสาสมัครปกป้องสถาบัน (อสป.) นั้น หลังแถลงนโยบายคงมีการเช็กบิล

ขณะเดียวกัน คงมีการจัดทัพบิ๊กข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยให้เป็นพวก โดยเขี่ยสาย “เนวิน” ให้พ้นวงจรอำนาจโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ การโยกย้ายข้าราชการระดับ 9 และระดับ 10 ตามวงรอบ เพราะในเดือน ต.ค. จะมีข้าราชการที่กระจัดกระจายอยู่ในตำแหน่ง อาทิ รองอธิบดี รองผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ตรวจราชการกระทรวง ที่เกษียณรวมๆ แล้วประมาณ 30 ตำแหน่งที่รอให้ “ยงยุทธ” จัดทัพ

แม้ “ยงยุทธ” เคยพูดไว้ว่าจะโยกย้ายข้าราชการโดยดูจาก 2 เรื่องหลัก คือ “ระบบคุณธรรม” และ “ความเป็นธรรม” จนทำให้ข้าราชการคนอื่นเริ่มที่จะยิ้มออกได้บ้าง แต่ก็มีคนที่ฝืนยิ้มอยู่ทุกครั้ง คือ “วิเชียร ชวลิต” ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่เหาะเหินเดินอากาศมาเป็นปลัดกระทรวง ภายใต้ร่มเงาของ “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” อดีต รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่วันนี้เดินประกบ “ยงยุทธ” ตลอดเวลา ไม่ว่าจะวันที่แถลงเปิดใจกับสื่อ หรือจะเดินทางตรวจเยี่ยมน้ำท่วมทางภาคเหนือก็ตาม เป็นเสมือนเงาตามตัวอีกคนหนึ่งของเจ้ากระทรวงมหาดไทย

ทว่าทุกคนต่างก็เห็นตรงกันว่า ไม่ว่ายังไง “วิเชียร” ก็ต้องถูกเด้งเข้ากรุประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่วันยันค่ำ เพราะแม้ “ยงยุทธ” จะปากหวานขนาดไหน แต่พลังคนในพรรคเพื่อไทยแค้นฝังหุ่นกันกับบรรดาพรรคภูมิใจไทยอย่างไม่เผาผี มีหรือ “วิเชียร” จะไม่หลุด

ขณะที่บรรดาข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเองก็เริ่มมองข้ามช็อตไปแล้วถึงผู้จะมาเป็นปลัดกระทรวงแทน “วิเชียร” ซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างก็หลากหลาย บ้างก็ว่า “สุกิจ เจริญรัตนกุล” พี่ชาย นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีตรองนายกฯ และ รมช.สาธารณสุข คนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย จะมานั่งแทน แม้ “พระนาย สุวรรณรัฐ” รองปลัดกระทรวงมหาดไทยจะอาวุโสสูงสุด

ด้านเก้าอี้อธิบดีกรมการปกครองเองก็กำลังจะว่างลงเช่นเดียวกัน เพราะ “วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์” ก็ถึงเวลาเกษียณ และ ณ ตอนนี้ยังไม่มีใครเดาได้ว่าใครจะขึ้นมานั่งแทน “วงศ์ศักดิ์” กันแน่ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมากระทรวงนี้โยกย้ายกันฝุ่นตลบเหลือเกิน

ช่วงเวลานี้จึงเริ่มมีบรรยากาศของการวิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่งกันบ้างแล้ว เพราะเมื่อใดก็ตามที่รถยนต์ของ “ยงยุทธ” เข้ามาจอดที่กระทรวง เมื่อนั้นเองก็จะมีบรรดาข้าราชการระดับสูง และนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ แวะเข้ามาทักทายแสดงความยินดีจนหัวกระไดไม่แห้ง

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ดาหน้ากันเข้ามามากเท่าไร แต่คนตัดสินใจสุดท้ายก็ไม่ใช่ “ยงยุทธ” คนเดียว หากแต่อยู่ที่นายใหญ่อยู่ดี การสับเปลี่ยนขั้วอำนาจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจึงต้องจับตาดูว่าเพื่อไทยจะจัดขุมกำลัง และแบ่งปันอำนาจได้สมประโยชน์ทุกฝ่ายหรือไม่

ทั้งนี้เพราะพรรคเพื่อไทยมีบทเรียนอยู่แล้วว่า หากแบ่งอำนาจให้ใครไม่ครบ สุดท้ายอำนาจทั้งหมดก็จะเป็นบูเมอแรงสะท้อนกลับมาหาตัวเอง