posttoday

ข้าวเหนียวอีสาน ในกำมือทักษิณ

03 สิงหาคม 2554

การตั้ง ครม.ยิ่งลักษณ์ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง

การตั้ง ครม.ยิ่งลักษณ์ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง

โดย...ทีมข่าวการเมือง

การตั้ง ครม.ยิ่งลักษณ์ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง

มีแต่โครงแค่บางตำแหน่ง แต่ยังสลับได้ในนาทีสุดท้าย

ผ่านมา 30 วัน แกนนำพรรคระดับเต็งจ๋าตั้งแต่ออกสตาร์ต พอทิ้งโค้งสุดท้ายหลายคนเริ่มแผ่วปลาย ไม่ว่า โอฬาร ไชยประวัติ สุชาติธาดาธำรงเวช ที่เริ่มหลุดนอกวงโคจร “ครม.ปูจ๋า 1”

และก็เป็นไปตามที่ ทักษิณ ชินวัตร บอก ครม.ใหม่ จะหน้าตาดี จะมีคนนอก 4-5 ตำแหน่ง

เป็นที่มาของรายชื่ออย่าง วิชิต สุรพงษ์ชัย นั่งรองนายกฯ ควบ รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่าที่ รมว.พาณิชย์ วิกรม คุ้มไพโรจน์ ว่าที่ รมว.ต่างประเทศ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ

การได้คนนอกที่เป็น เทคโนแครต ตรงสายงาน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน เป็นแรงส่งให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เดินหน้านโยบายประชานิยมที่หาเสียง ว่าไม่มีผลกระทบต่อปัญหาเงินเฟ้อ

แต่การดึงคนนอกก็สร้างปัญหาในพรรค เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีที่จะแบ่งให้แกนนำ และลูกพรรค ก็เหลือน้อยลง

แค่ปัจจุบันก็หน้าเขียว แย่งกันฝุ่นตลบ ถ้าถูกกันไปอีก 5 เก้าอี้ ก็ต้องมีผู้เสียสละเพิ่มอีก

 

ข้าวเหนียวอีสาน ในกำมือทักษิณ

โควตารัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 28-30 จาก 35 เก้าอี้ โดย 5 เก้าอี้ต้องแบ่งให้พรรคร่วม ซึ่งวันนี้ยังเกลี่ยกระทรวงไม่เสร็จ

ในพรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะอัดอั้นอยากเป็นรัฐมนตรีกันสูง

แกนนำตัวเอ้ที่ต้องได้ คือ ทีมยุทธศาสตร์ที่ประชุมร่างนโยบายรัฐบาลร่วม 20 คน

ยังมี สส.อาวุโส แกนนำระดับจังหวัด ที่ยกทีมเข้าสภา หลังต่อคิวมานานตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย

ปัญหาใหญ่ในการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี จาก “คนแน่น-แกนนำคับ” ยังมีประเด็นโควตาภาคต่างๆ ที่ต้องกระจายทั่วถึง โดยเฉพาะภาคอีสาน ที่ลูกพรรคกดดันว่า ต้องมีเก้าอี้มากกว่าทุกภาค

เพราะเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรค และมี สส.ทะลักเข้ามาถึง 104 ที่นั่ง

มีการอ้างว่า ถ้าภาคอีสานไม่ทะลุเป้าขนาดนี้ เพื่อไทยก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล

ภาคอีสานจึงควรได้รัฐมนตรี มากกว่าทุกภาค เพราะต้องทำให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยตอบแทนคนอีสานที่ส่วนใหญ่เป็นคนชั้นล่าง และเพื่อกระจายความรับผิดชอบในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย

ถ้าเปรียบว่า พรรคประชาธิปัตย์ผูกขาดภาคใต้ พรรคเพื่อไทยก็ต้องยึดภาคอีสานให้ได้ ถ้าชนะในภาคอีสานถล่มทลายอย่างนี้ทุกครั้ง ก็ผูกขาดเป็นรัฐบาล 99.99%

เพราะภาคอีสานมี สส.มากกว่าทุกภาค คือ 126 ที่นั่ง

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องดูแล สส.อีสาน ร้องขออะไรอย่าขัดขืน แกนนำบางรายได้ทีกดดันว่า ถ้าอีสานได้รัฐมนตรีน้อย

พรรคกระเพื่อม!

โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ที่ได้ยกทีม เช่น อุดรธานี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด “หนองคายบึงกาฬ” สุรินทร์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ เลย ต้องจัดเก้าอี้รัฐมนตรีให้ถ้วนทั่ว

บางรายทนไม่ไหว วิ่งไปหาทักษิณที่ “ดูไบ–บรูไน”

ข้ออ้างที่ว่าพรรคต้องทำอีสานให้เข้มแข็ง เหมือนการปั้นข้าวเหนียว

แต่ถ้าเข้มแข็งแบบจัดเต็มถึง 10 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยคงปวดหัวและทำให้การจัด ครม.รอบนี้ไม่หลากหลาย

ยุทธศาสตร์ทักษิณ จึงตอนเก้าอี้ให้เหลือน้อยที่สุด ในโควตาภาคต่างๆ เพื่อเปิดทางให้กับก๊วนคนนอกที่เป็นสายตรงทักษิณ

จากโควตา 10 เก้าอี้ของภาคอีสาน ทักษิณตัดเหลือ 8 และเมื่อ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และ เจริญ จรรย์โกมล ได้รับเลือกเป็นประธานสภาและรองประธานสภา โควตารัฐมนตรีจึงลดเหลือ 6

ทักษิณไม่สนคำขู่ของ “แหล่งข่าว” ภาคอีสานตามหน้าสื่อ ว่าอาจลามไปถึงปัญหาความขัดแย้งในพรรค โดยเฉพาะการนำ กทม.มาเปรียบที่ได้เพียง 10 ที่นั่ง แต่กลับได้ถึง 2 ที่นั่ง คือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อุดมเดช รัตนเสถียร ที่คาดการณ์จะเป็น รมว.สาธารณสุข และ1 รมช.

ยังไม่นับ 1 ตำแหน่งรัฐมนตรีทางอ้อม คือ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สายตรงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่คาดว่าจะนั่งรองนายกฯ หรือไม่ก็ รมว.มหาดไทย

ถ้าเทียบกับภาคอีสาน เดิมคิดอัตราส่วน10 : 1 คือ 10 เก้าอี้รัฐมนตรี แต่ถ้าหดเหลือ 8 ที่นั่ง ก็จะเป็น 13 : 1 ขณะที่ กทม.ได้เปรียบกว่าที่ 5 : 1

ขุนพลภาคอีสานไม่สามารถกดดันทักษิณได้ เพราะขนาดแกนนำเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง ยังไม่กล้าหือกับทักษิณ

สถานภาพระหว่างลูกพรรคกับทักษิณเป็นเสมือนผู้มีพระคุณ ดังนายจ้างกับลูกจ้าง สะท้อนชัดจากคำเรียกทักษิณว่า “นายใหญ่” บ้างก็ถึงขั้น “เจ้านาย”

สำหรับแกนนำภาคอีสาน ที่ชนะยกจังหวัด ก็ไม่ใช่มาจากความสามารถของตัว สส. เอาเข้าจริงเป็นเพราะ “กระแสทักษิณ” กับ “กระแสเสื้อแดง” ผนึกเป็นสึนามิถล่มคู่แข่งราบคาบ

ขณะที่ สส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้เป็นเอกภาพ มีความพยายามรวมพลังปั้นข้าวเหนียวหลายรอบ ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ตั้งกันตามมุ้ง ตามกลุ่ม เพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี จนที่สุดก็ถูกทักษิณสลายและได้มาเพราะกระแสเสื้อแดง

ดังนั้นอย่าว่าแต่ภาคไหนจะมากดดัน ต่อรองทักษิณ คนที่พูดไม่เข้าหู ก็จะถูกขึ้น บัญชีดำของทักษิณโดยไม่รู้ตัว และไม่ได้ดีในเก้าอี้รัฐมนตรี

เพราะพรรคเพื่อไทย ยังเป็นสถาบันของทักษิณนั่นแล ...