posttoday

รัฐบาลรุกสื่อโซเชียลเปิด2เพจเฟซบุ๊ก

14 กรกฎาคม 2560

นายกฯเผยรัฐบาลเปิด2เพจเฟซบุ๊ก “PAGE IR”และ“ปรองดองเป็นของประชาชน” หวังสร้างความเข้าใจลดความขัดแย้ง

นายกฯเผยรัฐบาลเปิด2เพจเฟซบุ๊ก “PAGE IR”และ“ปรองดองเป็นของประชาชน” หวังสร้างความเข้าใจลดความขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชาฯ ถึงช่องทางการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐ ว่า รัฐบาลมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาทั้งรูปแบบ วิธีการหรืออะไรก็ตามเพื่อเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม ให้ประชาชนทั้งหมดของประเทศ ได้รับทราบข่าวสารของทางราชการ บนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยสร้างกลไกการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมอีก อาทิ ปัจจุบันได้เปิดให้บริการเฟซบุ๊กชื่อ “PAGE IR” เพื่อนำคำตอบการไขข้อข้องใจ และรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนโดยตรง เพิ่มเติมจากการสื่อสารผ่านเครือข่ายสื่อมวลชน ทุกแขนง จะได้เป็นการสื่อสาร 2 ทาง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า หวังว่าจะเป็นแหล่งข้อมูลให้สื่อโซเชียล สามารถนำไปใช้อ้างอิง ขยายผล และลดความเข้าใจผิด ลดความขัดแย้งในสังคมได้ในอนาคต อย่าไปเพิ่มมากกว่าเดิมก็แล้วกัน สำหรับการสื่อสารในหน่วยงานราชการ เน้นการสร้างความเข้าใจให้กับข้าราชการทุกคน ทุกกระทรวง ทุกระดับต้องสามารถทำความเข้าใจประชาชนได้อย่างชัดเจน อีกทั้งได้สั่งการให้รัฐมนตรีและปลัดกระทรวง อธิบดีต่างๆ ได้เน้นย้ำผู้บริหารลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติและประชาชนโดยตรง เลี่ยงการทำงานบนโต๊ะ เน้นให้ถึงทุกพื้นที่

นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงภารกิจสร้างความปรองดองว่า คณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองของป.ย.ป. จะจัดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศอีกครั้ง ช่วงสัปดาห์หน้าวันที่ 17 – 20 ก.ค. แล้วจะนำมาจัดทำร่างสัญญาประชาคม ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าต่างๆได้จากเฟซบุ๊กชื่อ “ปรองดองเป็นของประชาชน”

ได้สั่งการไปแล้วในสัญญาฉบับประชาคมนั้นจะต้องมีแนวทางในการปฏิบัติด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะมีเฉพาะในเรื่องของนามธรรม ต้องมีอะไรที่จะร่วมมือกันบ้าง เช่น การปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ขัดแย้ง ไม่มีการใช้อาวุธ แนบไปกับสัญญาประชาคม ถ้าเซ็นกันแล้ว ต้องไม่เกิดความวุ่นวายสับสนเมื่อเช่นที่ผ่านมาก่อนปี2557 และเราจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการต่อไป ทั้งนี้ก็เป็นเสมือนการกระตุ้นจิตสำนึกความเป็นไทย ความรักชาติ และ “สัญญาทางใจ”ว่าเราจะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างไร เราจะร่วมกันสร้างสังคมที่เข้มแข็ง สังคมที่มีสันติสุขของเราได้อย่างไร ในอนาคต ประชาชนเป็นผู้กำหนดตรงนี้ไม่ใช่นักการเมือง.