posttoday

บิ๊กตู่กำชับศธ.เร่งแก้ปัญหาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก

14 พฤษภาคม 2560

นายกฯ กำชับ ศธ.เน้นความปลอดภัยเตรียมรับเปิดเทอม พร้อมเร่งแก้ปัญหาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก 3,000 แห่ง แจงแนวคิดหนังสือยืมเรียนลดความกังวลผู้ปกครอง

นายกฯ กำชับ ศธ.เน้นความปลอดภัยเตรียมรับเปิดเทอม พร้อมเร่งแก้ปัญหาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก 3,000 แห่ง แจงแนวคิดหนังสือยืมเรียนลดความกังวลผู้ปกครอง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้เตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ซึ่งจะเปิดพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 16 พ.ค.นี้ โดยให้แต่ละโรงเรียนเน้นเรื่องความปลอดภัย สำรวจจุดอันตราย ซ่อมแซมตึกอาคาร อุปกรณ์ไฟฟ้า โต๊ะเก้าอี้ เครื่องเล่นสนามให้มั่นคงแข็งแรง รวมทั้งตัดแต่งต้นไม้ สนามหญ้า กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์นำโรคต่าง ๆ ให้เรียบร้อย

"ส่วนเรื่องคุณภาพการศึกษา ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่ต้องการการพัฒนาอย่างเร่งด่วน หรือโรงเรียนไอซียู ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3,000 แห่ง ที่ผ่านมาโรงเรียนเหล่านี้มีผลการประเมิน PISA ต่ำ เพราะการพัฒนามักลงไปไม่ถึง โดยให้ไปวิเคราะห์ว่าโรงเรียนเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องใด เช่น ครูผู้สอน อุปกรณ์การเรียน วิธีการสอน ฯลฯ แล้วแก้ไขให้ตรงจุด ยกระดับมาตรฐานให้ได้"

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำให้ ศธ. และ สพฐ. เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับพ่อแม่ผู้ปกครองและพี่น้องประชาชนถึงแนวคิดการให้ยืมหนังสือเรียนแทนการแจกหนังสือให้แก่เด็กทุกคน ตามนโยบายเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ว่า วันนี้คนไทยควรปรับวิธีคิดใหม่ โดยมองว่าจะช่วยเหลือประเทศชาติได้อย่างไร ไม่ใช่รอรับการสนับสนุนแต่เพียงอย่างเดียว โดยเด็กทุกคนยังสามารถนำหนังสือติดตัวกลับไปบ้านได้ตามปกติ แต่เมื่อสิ้นสุดปีการศึกษาก็ต้องนำกลับไปคืนโรงเรียนส่งต่อให้แก่นักเรียนรุ่นถัดไป เป็นการฝึกวินัยและการคำนึงถึงผู้อื่น เช่นเดียวกับในสิงคโปร์และเวียดนาม

"แนวคิดดังกล่าวไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญเพราะนักเรียนยังเรียนฟรีเช่นเดิม โดยหนังสือที่จะให้เด็กยืมเรียนนั้น จะต้องอยู่ในสภาพดีร้อยละ 70-80 ส่วนใดที่เสียหายก็จะซื้อทดแทนให้ใหม่ และหากวิชาใดมีการปรับปรุงเนื้อหาก็ต้องจัดหาให้ใหม่เช่นกัน โดยนักเรียนยังสามารถจดประเด็นสำคัญลงไปในหนังสือได้เหมือนเดิมส่วนแบบฝึกหัดแจกให้โดยไม่เรียกคืน ทั้งนี้ ในแต่ละปีมีหนังสือเรียนสภาพดีและใช้งานได้อีกกว่าร้อยละ 30 ซึ่งหากนำกลับมาใช้ประโยชน์ต่อ จะช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศได้ถึงปีละ 1,513 ล้านบาท"