Moon Knight: เมื่อซุปเปอร์ฮีโร่เป็นโรคหลายบุคลิก

 

          หากเคยรับชมหนังซุปเปอร์ฮีโร่ของจักรวาลมาร์เวล จะพอจับจุดได้ว่า แต่ละเรื่องมักจะมีซุปเปอร์ฮีโร่จากเรื่องอื่นในจักรวาลมาร์เวลมาร่วมแจมเสมอ เช่น Doctor Strange ใน Spider-Man: No way home หรือแม้กระทั่ง Iron-Man ใน Spider-Man: Homecoming และอีกหลายเรื่องที่เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ได้มีโอกาสมาปฏิบัติภารกิจร่วมกัน แต่ไม่ใช่กับ Moon Knight หนังซุปเปอร์ฮีโร่จากแดนไอยคุปต์ ที่ไม่เคยปรากฏในเรื่องใดใดของจักรวาลมาร์เวลมาก่อน

 

           Moon Knight เป็นซีรีส์ 6 ตอน ที่สตรีมมิ่งใน Disney+ Hotstar เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2022 ที่ผ่านมา กำกับโดย มูฮัมหมัด ดิแอ็บ (Mohamed Diab) นักเขียนบทและผู้กำกับชาวอียิปต์ ที่มีผลงานส่วนใหญ่เป็นหนังแนวสะท้อนสังคมอียิปต์ ได้แก่ Cairo 678 (2010), Clash (2016) และ Amira (2021) ส่วนนักแสดงนำที่รับบท ซุปเปอร์ฮีโร่แห่งอิยิปต์ คือ ออสการ์ ไอแซ็ก  (Oscar Isaac) ดาวรุ่งชายผู้เคยรับบท Apocalypse ใน X-Men: Apocalypse หนังซุปเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลมาร์เวลที่ออกฉายเมื่อปี 2015 ตัวไอแซ็กได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเขารู้สึกว่ามันบ้ามาก ๆ ที่ได้รับบทซุปเปอร์ฮีโร่ตัวนี้ เพราะมีความซับซ้อนและไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับบทนี้ เนื่องจากเขาได้เล่นในหลายบทบาทที่มีความแตกต่างกันมาก

          ซีรีส์ Moon Knight เป็นเรื่องราวของมาร์ก อดีตทหารอาชีพที่ต้องลาออกจากราชการกะทันหัน เพราะมีอาการของโรคหลายบุคลิก ก่อนจะได้งานเป็นทหารรับจ้างที่นำพาเขาไปเจอกับเทพคอนชู เทพเจ้าอียิปต์ ที่ได้รับฉายาว่าเป็นผู้โอบอุ้มนักเดินทางในยามราตรี เทพคอนชูต้องการให้มาร์กเป็นร่างอวตารและทำหน้าที่คอยสังหารผู้ที่กระทำความผิด ด้วยความที่มาร์กมีอาการของโรคหลายบุคลิก ทำให้เขามีอีกหนึ่งตัวตนที่หลบซ่อนอยู่ลึกลงไป เขามีชื่อว่า สตีเฟน ทำงานเป็นคนขายของในพิพิธภัณฑ์ที่ลอนดอน มาร์กและสตีเฟน ต่างฝ่ายต่างพยายามที่จะแสดงตัวตนออกมา ซึ่งก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล มีปัญหาในช่วงแรก แต่ท้ายที่สุดทั้งสองก็ต้องสงบศึก และหันมาร่วมมือกันในการตามหาสการับที่ถูกขโมยไปโดยแฮร์โรว์ ร่างอวตารของเทพีอัมมิต เทพีแห่งการกลืนกิน ที่มีหน้าที่พิพากษามนุษย์ด้วยตาชั่งขนนก ถ้าหัวใจของมนุษย์คนใดทำให้ตาชั่งทั้งสองข้างไม่สมดุล ก็จะถูกเทพีอัมมิตกลืนกินเข้าไป ส่วนภารกิจในการตามหาสการับของมาร์กและสตีเฟนจะสำเร็จหรือไม่นั้น คงต้องหาเวลาไปติดตามชมกันเองแล้ว

 

 

ความน่าสนใจของมินิซีรีส์มาร์เวลเรื่องนี้ นอกจากมีเนื้อเรื่องที่ไม่ข้องเกี่ยวกับซีรีส์มาร์เวลเรื่องอื่นแล้วนั้น ยังอบอวลไปด้วยความเป็นอียิปต์ อีกหนึ่งประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่และเรื่องเล่าเร้นลับที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลงเสน่ห์ได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับซีรีส์ Moon Knight ที่มีเหล่าเทพและเทพีในตำนานอียิปต์เข้ามามีบทบาท ทำให้เรื่องราวดำเนินไปได้อย่างเข้มข้น ถึงอกถึงใจคนดู เช่น ฉากต่อสู้ระหว่างเทพคอนชูและเทพีอัมมิตในตอนท้ายของซีรีส์ ที่ทางทีมงานสร้างสรรฉากออกมาได้อย่างยิ่งใหญ่ อลังการ มีการเก็บรายละเอียดร่างกายของทั้งเทพและเทพีทั้งสององค์ได้อย่างสมจริงดังที่ปรากฏในตำนาน รวมทั้งมีการนำเรื่องราวของเทพคอนชูและเทพีอัมมิตมาดัดแปลงเป็นแก่นของเรื่อง ทิ้งให้ผู้ชมได้คิดตามว่าระหว่างความปรารถนาของเทพคอนชู ที่ต้องการล้างบางคนกระทำผิด หรือความปรารถนาของเทพีอัมมิต ที่ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วยการสังหารคนที่แค่คิดจะทำความผิด ความปรารถนาของใครจะให้ความยุติธรรมแก่มนุษย์มากกว่ากัน ก่อนที่ซีรีส์จะเฉลยในตอนท้ายผ่านความตายของผู้ปราชัยให้ผู้ชมได้ลุ้นกัน

ส่วนอีกหนึ่งตัวชูโรงของซีรีส์ Moon Knight ที่ตั้งใจทำมาหลอกตาผู้ชม คือ การสร้างตัวละครซุปเปอร์ฮีโร่ให้เป็นผู้มีหลายบุคลิก หรือ Dissociative Identity Disorder (DID) ตัวมาร์กเคยมีปมเรื่องครอบครัว ส่งผลให้เขาพยายามหลีกหนีความเจ็บปวดนั้นด้วยการสร้างอีกหนึ่งตัวตน คือ สตีเฟน ขึ้นมา ในซีรีส์ ตัวสตีเฟนเคยคิดว่าตัวของเขาคือตัวตนที่แท้จริง ก่อนที่จะได้มีโอกาสเปิดประตูแห่งความทรงจำ แล้วพบว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของมาร์กเท่านั้น จึงอยากให้มาร์กยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และได้ไปใช้ชีวิตใหม่โดยที่ไม่มีเขา จึงตัดสินใจกระโดดลงไปจากเรือสำราญที่กำลังนำทางไปสู่ทุ่งกกแห่งความเป็นนิรันดร์ (แดนสวรรค์ในตำนานอียิปต์) และการที่สตีเฟนยอมสละชีวิต ทำให้ตาชั่งขนนกสมดุล หมายถึงว่ามาร์กจะปลอดภัยและกำลังจะมีชีวิตใหม่ในที่ ๆ มีความสุขกว่าที่เป็นอยู่ ถึงแม้มาร์กจะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แล้วกลับไปช่วยชีวิตสตีเฟนก็ตาม

 

เหล่านี้ถือเป็นการคลายปมที่ดีมากของซีรีส์เรื่องหนึ่งสำหรับต้นตออาการหลายบุคลิกที่ซับซ้อนนี้  มีความคิดหนึ่งที่ดังขึ้นมาหลังจากดูซีรีส์จบ ว่า “บางทีรอยร้าวในใจ อาจจะกลับมาประสานกันได้ยาก แต่ถ้าเข้าใจ ยอมรับสาเหตุของมัน และกล้าที่จะเผชิญหน้า อาจช่วยเติมพลังให้หัวใจกลับมาชุ่มชื่นได้อีกครั้ง” เหมือนกับตาชั่งขนนกที่มีแขนสองข้างสมดุลกัน   หลังจากสตีเฟนหายไป มันอาจจะเป็นสัญญาณบอกมาร์กว่าเขาจะมีความสุข หากทิ้งสตีเฟน อีกส่วนหนึ่งของเขาให้เป็นอดีตไป 

 

ผู้ชมบางคนอาจอยากให้สรุปจบเป็นแบบนั้น…  แต่ทว่าซีรีส์ไม่ได้ตามใจผู้ชมเสมอไป ก่อนซีรีส์จบ เทพคอนชูได้ทักทายใครสักคน “นี่เพื่อนใหม่ของข้า เจค” ทิ้งปริศนาให้ผู้ชมได้สงสัยกันต่อไปว่าแท้จริงแล้ว บุคคลปริศนาชื่อเจคคนนี้คืออีกหนึ่งตัวตนของอัศวินแห่งจันทราหรือไม่  บอกแล้วไง…ซีรีส์ไม่ได้ตามใจผู้ชมเสมอไป ว่าไหม?