70 ปีแห่งความทรงจำ “ควีนเอลิซาเบธที่ 2” และก้าวต่อไปของ “คิง ชาร์ลส์ ที่ 3”
70 ปีแห่งความทรงจำถึง “ควีนเอลิซาเบธที่ 2” และก้าวต่อไปของในรัชสมัยของ “คิง ชาร์ลส์ ที่ 3” แห่งสหราชอาณาจักร
หลังสำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 8 กันยายนว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตอย่างสงบ ที่ปราสาทบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ รัชสมัยของสมเด็จพระราชินีที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรก็สิ้นสุดลง หลังจากที่ทรงครองราชย์มายาวนานถึง 70 ปี ผ่านทุกเหตุการณ์สำคัญในโลกที่ต้องจารึกไว้มากมายในรัชสมัยของพระองค์ ด้วยพระชนมพรรษา 96 พรรษา
วันเดียวกัน อังกฤษ หรือ สหราชอาณาจักร หมายรวมถึง 4 ประเทศ คือ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ก็ได้ผลัดแผ่นดินเข้าสู่รัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระชนมพรรษา 73 พรรษา มีผลให้คำถวายพระพรและเพลงชาติของอังกฤษ เปลี่ยนจาก God Save the Queen เป็น God Save the King
สื่อของอังกฤษระบุว่า ชาวอังกฤษเริ่มวิตกต่อพระสุขภาพพลานามัยของควีน นับตั้งแต่เจ้าชายฟิลิป พระราชสวามี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 9 เมษายนปีที่แล้ว ขณะมีพระชนมายุ 99 พรรษา เนื่องจากทรงผูกพันใกล้ชิดและใช้ชีวิตสมรสด้วยกันมานาน 75 ปี
ควีนทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดา รวม 4 พระองค์ ได้แก่ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าหญิงแอนน์ เจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระเจ้าชาลส์ที่ 3 จะเป็นผู้นำประชาชนในชาติถวายความไว้อาลัยต่อการสวรรคตในฐานะกษัตริย์พระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร และประมุขของเครือรัฐจักรภพ 14 ชาติ
พระราชประวัติ คิง ชาร์ลส์ ที่ 3
พระองค์มีพระชนมพรรษา 73 พรรษา พระราชสมภพ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 1948 (พ.ศ. 2491) เป็นพระราชโอรสองค์โตของ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป มีพระขนิษฐา 1 พระองค์คือ เจ้าหญิงแอนน์ และพระอนุชา 2 พระองค์ คือเจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด
คิง ชาร์ลส์ ที่ 3 หรือ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในเวลานั้น ขณะมีพระชนมพรรษา 30 พรรษา ได้ทรงหมั้นกับเลดี้ ไดอานา แห่งตระกูลสเปนเซอร์ วัย 19 ปี ด้วยการสนับสนุนจากพระบิดา และต่อมาก็ได้มีพระราชพิธีอภิเษกสมรสวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
เจ้าหญิงไดอานาทรงมีพระโอรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ 2 พระองค์ คือเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี ท่ามกลางมรสุมชีวิตสมรสที่มีปัญหาและตกเป็นข่าวอื้อฉาวอย่างต่อเนื่อง โดยมี คามิลลา ปาร์กเกอร์ โบวลส์ เข้ามาพัวพันด้วย
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงอภิเษกอีกครั้ง กับ คามิลลา วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2005 (พ.ศ. 2548) โดยคามิลลาทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์
ในพระราชพิธีฉลองควีนครองราชย์ครบ 70 ปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ควีนทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง หวังให้คามิลลาขึ้นเป็นราชินี เคียงข้างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เมื่อขึ้นครองราชย์
อย่างไรก็ตาม หลังควีนเสด็จสวรรคตวันที่ 8 กันยายน คำที่ใช้เรียก คามิลลา ในนาทีที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ พระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 3 ยังคงเป็นคำว่า queen consort ซึ่งหมายถึงราชินีคู่สมรส
สรุป
- สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของสหราชอาณาจักร สิ้นพระชนม์แล้วด้วยพระชนมายุ 96 พรรษา
- พระองค์เสียชีวิตอย่างสงบที่ปราสาทบัลมอรัลในบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายนตามแถลงการณ์ของพระราชวังบักกิงแฮม มีผลให้พระเจ้าชาร์ลที่ 3 ซึ่งขึ้นครองราชย์ในทันที
- พระองค์ทรงตรัสว่าการสิ้นพระชนม์ของพระมารดาเป็นช่วงเวลาแห่ง “ความโศกเศร้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับฉันและสมาชิกทุกคนในครอบครัวของฉัน”
- สมเด็จพระราชินีทรงนำระบอบราชาธิปไตยผ่านช่วงเวลาที่วุ่นวายเมื่อจักรวรรดิของบริเตนได้สิ้นสุดลงและสถานะของสหราชอาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่จนมีคำกล่าวว่า ดินแดนในปกครองนั้นไพศาลกระทั่งพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ก็เปลี่ยนแปลงไป
- พระองค์เป็นประมุขแห่งสหราชอาณาจักรและอีก 14 ประเทศ รวมทั้งออสเตรเลีย แคนาดา และจาเมกา นายกรัฐมนตรีของอังกฤษใหม่หมาด แมรี เอลิซาเบธ ทรัสส์ หรือลิซ ทรัส ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีเมื่อวันอังคารที่ 6 กันยายนที่ผ่านมากล่าวถึงพระองค์ว่าทรงเป็น “ศิลาที่สร้างสหราชอาณาจักรในยุคสมัยใหม่”
ณ ใจกลางกรุงลอนดอนก่อนหน้านี้ ประชาชนได้ออกมารวมตัวกันด้านนอกพระราชวังบักกิงแฮมเพื่อถวายการสักการะและร่วมไว้อาลัยแก่ควีนอลิซาเบธที่ 2 ผู้คนต่างพากันร้องเพลงชาติและปรบมือ ขณะที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มวางดอกไม้ไว้ที่ประตูวัง ก่อนที่จะมีการประกาศข่าวสวรรคตของพระองค์ ธงชาติอังกฤษที่พระราชวังบักกิงแฮม ถูกลดระดับลงเหลือเพียงครึ่งเสา และอีกหลายคนได้ร่วมไว้อาลัยที่เดอะมอลล์ เพื่อแสดงความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ
ความทรงจำถึง “ควีนเอลิซาเบธที่ 2”
- หลังจาก สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดาสวรรคต ในคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1952 เจ้าหญิงเอลิซาเบธ อเล็กซานดรา แมรี เเห่งยอร์ก เสด็จขึ้นครองราชย์ ในขณะที่พระองค์มีพระชนมายุ 25 พรรษา
- 16 เดือนต่อมา วันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จัดขึ้นที่มหาวิหารเวสมินสเตอร์ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1953 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พระราชพิธีนี้ได้ถ่ายทอดไปทั่วโลก ในขณะที่พระองค์มีพระชนมายุ 27 พรรษา
- รวมระยะเวลาครองราชย์ตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 1952 – 8 กันยายน 2022 รวม 70 ปี 214 วัน
- พระองค์และสมาชิกราชวงศ์อังกฤษมักปรากฎอยู่ในกระแสข่าวในโลกสื่อสารมวลชนเสมอมา ทั้งจากความนิยมและความสนใจของผู้คน ไม่เคยมีราชวงศ์ใดในโลกที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจติดตามข่าวรายวันเท่าราชวงศ์อังกฤษ
- พระองค์ทรงเป็นพระราชินีที่ผู้คนพบเห็นพระบรมฉายาลักษณ์มากที่สุดในโลกพระองค์หนึ่งตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงในแสตมป์ที่ผลิตออกมาหลายรุ่นหลายยุคหลายสมัยตลอดการครองราชย์อันยาวนาน
- พระองค์เป็นพระประมุขของ 15 ประเทศ (รวมอังกฤษ) จาก 53 รัฐ สมาชิกในเครือจักรภพแห่งชาติ ทรงเป็นประธานเครือจักรภพและประมุขสูงสุดแห่ง คริสตจักรแห่งอังกฤษ (Church of England)
- พระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งรัฐอิสระในเครือจักรภพ ได้แก่ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ ปากีสถาน เเละซีลอน
- หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารนอกประจำการ พระราชกรณียกิจของพระองค์เพิ่มขึ้น รวมทั้งการเสด็จประพาสภายในและนอกประเทศ และยังเป็นช่วงที่ครบรอบวันประสูติปีที่ 21 ซึ่งพระองค์ได้ทรงแถลงการณ์ออกอากาศ ประกาศเจตนารมณ์ที่จะอุทิศพระองค์ เพื่อภารกิจของประเทศในเครือจักรภพ
- เมื่อทรงพระเยาว์พระประยูรญาติสนิททรงเรียกพระองค์ว่า "ลิลิเบ็ต" เมื่อพระชนมายุได้ 10 พรรษา พระองค์ทรงได้พบกับนักเทศน์คนหนึ่งที่ปราสาทกลามิส เมื่อเขาลากลับ เขาได้สัญญาที่จะส่งมาหนังสือมาให้พระองค์เล่มหนึ่ง เจ้าหญิงตรัสตอบว่า "ไม่เอาเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้านะ เรารู้เรื่องพระองค์หมดแล้ว"
- ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 สหราชอาณาจักรเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองที่ดำเนินไปจนถึงปี 1946 ในช่วงเวลานั้นกรุงลอนดอนถูกทิ้งระเบิดทางอากาศอย่างหนัก เด็กชาวลอนดอนจำนวนมากถูกอพยพไปอยู่ตามชนบท มีคำแนะนำจากนักการเมืองอาวุโสเสนอให้เชิญพระราชธิดาทั้งสองพระองค์เสด็จลี้ภัยไปประทับอยู่ ณ แคนาดา แต่สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธทรงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวและทรงประกาศว่า "เด็ก ๆ จะไม่เสด็จไปโดยปราศจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่เสด็จไปโดยปราศจากพระเจ้าอยู่หัว และพระเจ้าอยู่หัวจะไม่เสด็จไปไหนทั้งนั้น"
- สงครามโลกครั้งที่สองทำให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงได้สัมผัสกับชีวิตนอกรั้ววังและความยากลำบากของพลเมืองสหราชอาณาจักรในช่วงสงคราม โดยทรงอาสาเข้าร่วมกับหน่วยรับใช้ดินแดนพิเศษ (ATS) เรียนรู้การขับรถและการเป็นช่างยนต์ โดยต้องทรงทำหน้าที่เป็นช่างซ่อมบำรุงรถบรรทุกด้วย
- รัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองเปิดฉากขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงผันผวนอย่างรวดเร็วของสถานการณ์โลก ซึ่งทำให้จักรวรรดิอังกฤษต้องดำเนินมาถึงจุดจบในที่สุด โดยขณะที่เสด็จเยือนประเทศเครือจักรภพเมื่อปลายปี 1953 หลายประเทศในจำนวนนั้นซึ่งรวมถึงอินเดียต่างได้รับเอกราชและแยกตัวเป็นอิสระออกไป
- สิ่งเดียวที่ยังคงเชื่อมร้อยประเทศที่เป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษเอาไว้ด้วยกันได้ในยุคใหม่ คือการเป็นสมาชิกเครือจักรภพซึ่งบางส่วนยกย่องให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองเป็นองค์ประมุขสูงสุด
- ด้วยการสนับสนุนของดยุคแห่งเอดินบะระ พระราชสวามีผู้ไม่โปรดความมากพิธีการและกฎเกณฑ์ที่แข็งทื่อตายตัวของราชสำนัก สมเด็จพระราชินีนาถทรงเริ่มปรับพระองค์ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมสมัยใหม่ เช่นยกเลิกให้หญิงสาวผู้มีตระกูลที่เพิ่งเปิดตัวเข้าสู่วงสังคมชั้นสูง (เดบิวตอง) เข้าเฝ้า เปลี่ยนการใช้คำว่า "สถาบันกษัตริย์" (The Monarchy) เป็นคำว่า "พระราชวงศ์" (Royal Family) ซึ่งฟังดูใกล้ชิดเป็นกันเองกว่าแทน
- ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ขึ้นครองราชย์ในปี 1952 ในยุคที่อังกฤษมีนายกฯ ที่ชื่อว่า วินสตัน เชอร์ชิลล์ (เชอร์ชิลล์เป็นนายกฯ คนแรกในรัชสมัยของพระองค์)
- ลิซ ทรัสส์ คือนายกฯ คนที่ 15 ในรัชสมัย เธอเปลี่ยนจุดยืนหลายครั้งรวมทั้งเรื่องสถาบันกษัตริย์ สมัยเป็นวัยรุ่นอยู่พรรคลิเบอรัลเดโมแครต เธอเคยอภิปรายล้มล้างสถาบันกษัตริย์ “เราไม่เชื่อเรื่องคนที่เกิดมาเพื่อปกครอง” แต่พอมาอยู่พรรคอนุรักษนิยมทรัสส์บอกว่า “ราชวงศ์” มีความจำเป็นต่อสหราชอาณาจักร
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/live/uk-62842089
- https://www.bbc.com/thai/international-62837232
- https://www.theguardian.com/uk-news/ng-interactive/2022/sep/08/queen-elizabeth-ii-life-timeline-death


