posttoday

ช็อปช่วยชาติ กระตุ้นบรรยากาศ สีลม-ทอง สะพัดหลายร้อยล้าน

29 พฤษภาคม 2553

นอกจากการเปิดพื้นที่ขายฟรีเร่งด่วนเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ให้ร้านค้าที่ได้รับผลกระทบจากจลาจลได้มาค้าขาย หาสภาพคล่องเป็นทุนเดินหน้าธุรกิจต่อไปแล้ว กิจกรรมนี้ยังช่วยปลุกบรรยากาศการใช้จ่ายกลับมาคึกคัก หลังเมืองไทยต้องผ่านสภาพหดหู่จากการเผาบ้านเผาเมือง

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวหลังเป็นประธานเปิดงาน มหกรรมรวมพลังเพื่อวันใหม่ Together We Can Grand Saleวันที่ 2829 พ.ค. ที่ถนนสีลม ว่า กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง มาขายสินค้าเพื่อสร้างรายได้ให้ประผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะมีคนมาร่วมงานกว่า 3 แสนคน ยอดขายในงานกว่า 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภายในงานมีผู้ประกอบการที่สนใจมาออกร้านขายสินค้ากว่า 1,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้ามาจากย่านราชประสงค์ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ ประตูน้ำ แพลทินัม ใบหยก อินทรา กรุงทอง และอื่นๆ รวมทั้งจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เซ็นเตอร์วัน และผู้ขายของในบริเวณสีลม

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือในการช่วยเหลือให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ ซึ่งในส่วนของคลังอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายในภาพรวมของผู้ประกอบการ ก่อนจะกำหนดงบประมาณที่จะเข้าไปเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจและเยียวยาให้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยในการจัดงานนั้น ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมกำลังพลไว้ 1 กองร้อย ในการบริหารจัดการดูแลพื้นที่โดยรอบของการจัดงาน ซึ่งขอให้ประชาชนสบายใจในเรื่องความปลอดภัยได้

สำหรับบรรยากาศของงานตลอดวัน ไฮไลต์ของงานนี้น่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นของดีราคาถูก ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเสื้อผ้าเด็ก มีให้เลือกหลากหลาย โดยเริ่มมีประชาชนให้ความสนใจเดินทางมาจับจ่ายซื้อของตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยง โดยบูธสินค้าที่มาเปิดส่วนใหญ่จะเน้นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายประมาณ 70% ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อยืดสกรีนใส่เล่นราคาตัวละตั้งแต่ 50200 บาท ซึ่งเป็นร้านที่มาจากห้างเซ็นเตอร์วัน สยาม แพลทินัม และประตูน้ำ ขายกันในราคาส่ง โดยเฉพาะเสื้อยืดเฉลี่ยจะตัวละ 100 บาท จากปกติราคา 200300 บาท

ส่วนสินค้าที่จำหน่ายรองลงมาเป็นบูธอาหาร โดยกระทรวงพาณิชย์ได้จัดนำร้านธงฟ้ามาเปิดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก เช่น ไข่ไก่ น้ำตาล น้ำมันพืช เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีร้านขายเครื่องประดับ เครื่องสำอาง ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าที่เป็นผู้หญิง อย่างไรก็ตามในช่วงเย็นมีประชาชนเดินทางเข้ามาจำนวนมากขึ้น ตลอดวันนับหลักแสนคน

น.ส.ณัฐมา ธนกิจโกเศรษฐ์ เจ้าของร้านเสื้อผ้า ณัฐมาที่ห้างเซ็นเตอร์วัน กล่าวว่า ดีใจที่รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ เป็นการช่วยที่ทำให้พวกเราพอจะมีรายได้ขึ้นมาบ้าง แม้จะไม่มีกำไร เพราะร้านที่เซ็นเตอร์วันเพิ่งจะวางเงินค่าเช่าร้านไป 1 แสนบาท เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็หมดไปกับไฟไหม้ เนื่องจากเรารับช่วงจากการเช่าจากผู้ค้าอีกที ปกติขายที่นั่นมีรายได้เดือนละ 3 หมื่นบาท ตอนนี้ก็พยายามหาช่องทางในการขายด้านอื่น เช่น อินเทอร์เน็ต หรือร่วมออกงานตามที่ภาครัฐได้จัดไว้ให้

สินค้าที่ขายส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าผู้หญิง ในงานนี้ก็ลดราคาครึ่งต่อครึ่ง เป็นสินค้าที่ซื้อมาขายต่อ แต่จากนี้ไปเมื่อเกิดวิกฤตแบบนี้ คงจะหันมาออกแบบเองขายเองให้มากขึ้น ไม่ต้องการพึ่งพาใครมาก และจะเน้นขายทางอินเทอร์เน็ตมากกว่า

น.ส.จิราภรณ์ สิตรุโณ เจ้าของร้านเครื่องประดับ “Bijoux” บริเวณประตูน้ำเซ็นเตอร์ชั้นใต้ดิน กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาต้องปิดร้านไปนานกว่า 2 สัปดาห์ ส่งผลต่อรายได้ค่อนข้างมาก เพราะปกติจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติกว่า 90% ทั้งนี้ทางร้านได้เข้าร่วมลงทะเบียนเพื่อขอความช่วยเหลือจากภาครัฐแล้ว และคาดว่าการมาเปิดร้านที่สีลม 2 วัน จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท ซึ่งร้านถือว่าโชคดีที่ไม่ได้รับความเสียหาย สินค้ายังมีให้ขายอยู่ โดยไม่ต้องลงทุนใหม่ แต่ก็ต้องมีการปรับแผนการขายสินค้าใหม่ เช่น เน้นการขายสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น

ด้านบรรยากาศศูนย์อำนวยความสะดวกพื้นที่ในการช็อปปิ้ง หรือ ศอช. ทองหล่อซอย 10 น.ส.วริษา ภาสกรนที ผู้บริหารร้านแซ่บอีลี่ หนึ่งในผู้จัดงานศูนย์อำนวยความสะดวกพื้นที่ในการช็อปปิ้ง ที่สนามฟุตบอลอารีน่า 10 ทองหล่อซอย 10 เปิดเผยว่า การจัดงานมีผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมประมาณ 850 ร้านค้า เข้าร่วม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ที่เสียหายโดยตรงจากการชุมนุมจากราชประสงค์และสยามสแควร์ 350 ร้านค้า ผู้ที่มียอดขายตกลงจากการอยู่บริเวณใกล้เคียง 400 ร้านค้า ที่เหลือเป็นสินค้าแบรนด์เนมที่เข้ามาจัดงาน

สำหรับการจัดงานที่มีทั้งหมด 10 วัน (28 พ.ค.6 มิ.ย.) คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานเฉลี่ยมากกว่าวันละ 2 หมื่นคน และมีเงินสะพัดภายในงานนี้ 500 ล้านบาท โดยไฮไลต์ภายในงาน ได้แก่ สินค้าที่นำมาลดราคาสูงสุด 50% รวมถึงมีดารานักแสดงมาสร้างสีสันภายในงาน เชื่อว่าจะช่วยสร้างบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอย และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเปลี่ยนสินค้าเป็นเงินและนำไปเริ่มต้นธุรกิจได้อีกครั้ง

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025