posttoday

"ฟีดแบค180" สร้างเครื่องมือให้ลูกค้าสร้างธุรกิจโตเร็ว

09 มกราคม 2562

“ฟีดแบค180”สตาร์ทอัพไทย ได้สร้างดีพ เทคโนโลยี ที่เป็นเครื่องมือนวัตกรรมการวิเคราะห์ข้อความภาษาไทยเพื่อนำเสนอบริการนวัตกรรม

“ฟีดแบค180”สตาร์ทอัพไทย ได้สร้างดีพ เทคโนโลยี ที่เป็นเครื่องมือนวัตกรรมการวิเคราะห์ข้อความภาษาไทยเพื่อนำเสนอบริการนวัตกรรม

************************

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

“ฟีดแบค180” สตาร์ทอัพไทย ได้สร้างดีพ เทคโนโลยี ของบริษัท ที่เป็นเครื่องมือนวัตกรรมการวิเคราะห์ข้อความภาษาไทย (Thai Text Analytics) เพื่อนำเสนอบริการนวัตกรรม ให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด และช่วยสร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จ

“ยงยุทธ ทรงศิริเดช” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีดแบค180 เปิดเผยว่า บริษัทได้สร้างเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) ทำให้มีเครื่องมือ “Thai Text Analytics” ในการรวบรวมและวิเคราะห์ทุกความคิดเห็นของลูกค้าจากข้อความจากมหาศาลบนโลกออนไลน์ นำมาแปลความหมายให้แก่บริษัท องค์กร หน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการและเจ้าของแบรนด์สินค้าเพื่อนำมาปรับปรุงสินค้าและบริการ

ขณะที่การพัฒนาเทคโนโลยี เอไอ มาจากทีมวิจัย ที่บริษัทมีทีมวิจัยโดยได้ทำงานร่วมกับ นักวิจัยไทยทั้งระดับปริญญาเอกและปริญญาโท ที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูงในด้านดังกล่าว และเป็นนักวิจัยที่มีผลงานวิจัย ส่งผลให้สามารถสร้างเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ ดีพ เทคโนโลยี (Deep Technology) ของบริษัท

นักวิจัยของบริษัท จะมีเครือข่ายความร่วมมือทั้งนักวิจัยต่างๆ อาทิ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น รวมถึงการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้าน Text Analytics จากมหาวิทยาลัยต่างๆโดยปัจจุบันบริษัทมี การจัดตั้งศูนย์การทำวิจัย ภายใน อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อีกทั้งมีความพร้อมร่วมมือทำงานกับนักวิจัยมาทำงานในองค์กร

“บริษัทได้ทำการวิจัยจากนักวิจัยเพื่อนำข้อมูลภาษาไทย ความคิดเห็นทางโชเชียลมีเดียต่างๆ นำมาแปลงสู่ การวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อทำให้รับเสียงประเมินออกมาจากลูกค้า และผู้ใช้บริการ”ยงยุทธ กล่าว

ทั้งนี้การได้รับข้อมูลเสียงสะท้อนจากลูกค้าและผู้ใช้บริการ เพื่อให้ทราบความคิดเห็น เสียงสะท้อน เทรนด์ ความต้องการของกลุ่มลูกค้า รวมถึงการวิเคราะห์อารมณ์ความรู้สึกผ่านข้อความ จึงเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกทั้งแง่บวก แง่ลบ ที่ลูกค้ามีต่อสินค้าหรือบริการ องค์กรเกิดความเข้าใจและเข้าถึงลูกค้า อีกทั้งสามารถแก้ไขและพัฒนาองค์กรได้อย่างรวดเร็ว จึงมีผลให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ องค์กรเกิดผลกำไร และช่วยลดต้นทุน

สำหรับบริษัท ฟีดแบค180 ได้เปิดให้บริการแก่ลูกค้ามาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว มีสัดส่วนลูกค้าภาครัฐและภาคเอกชน 50% เท่ากัน โดยลูกค้าภาคเอกชนมีทั้งสถาบันการเงิน กลุ่มพลังงาน และบริษัทเอกชนต่างๆ ส่วนภาครัฐ จะมีหน่วยงานภาครัฐ และกระทรวงต่างๆ

\"ฟีดแบค180\" สร้างเครื่องมือให้ลูกค้าสร้างธุรกิจโตเร็ว

ปัจจุบันมีทีมงานในองค์กรแล้วประมาณ 50 คน และพนักงานในองค์กรสัดส่วนประมาณ 70% ที่เป็นนักวิจัย ทำงานด้านวิจัยเพื่อร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยที่ผ่านมา บริษัทได้มุ่งการรับฟังทุกความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีที่สุด และไม่หยุดที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดี ทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด ซึ่งสามารถข้อมูลได้ผ่าน https://www.feedback180.com

“การเริ่มจัดตั้งองค์กรตั้งแต่ระยะแรก ได้เงินลงทุนส่วนตัว รวมถึงสนใจเข้าร่วมโครงการของภาครัฐ ทั้งโครงการของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และโครงการของ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ สนช. จึงผลักดันต่อการพัฒนาองค์กร”ยงยุทธ กล่าว

ล่าสุดได้เข้าร่วมโครงการ การพัฒนากระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ตามมาตรฐาน CMMI หรือ Capability Maturity Model Integration เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทยสามารถพัฒนาและสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมีระบบ มาตรฐาน และประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จัดโดย สวทช. และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (DEPA) ทำให้ได้รับมาตรฐาน CMMI จึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพขององค์กร

“สิ่งสำคัญในการทำสตาร์ทอัพ ต้องประกอบด้วย การมีเทคโนโลยีหลักของบริษัทเอง เหมือนกูเกิ้ล และเฟซบุ๊ค การสร้างสิ่งใหม่ที่ทุกคนใช้และมีการกระจายใช้อย่างรวดเร็ว สิ่งสุดท้ายคือ การมีรูปแบบธุรกิจที่แตกต่าง”ยงยุทธ กล่าว

ในปัจจุบันธุรกิจสามารถสร้างรายได้ที่มีการเติบโตและสร้างผลกำไรในองค์กร โดยในปีนี้คาดว่าจะสร้างรายได้รวมประมาณ 60 ล้านบาท และปีต่อไปจะมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งนโยบายขององค์กรจะไม่ได้สนใจหานักลงทุนเข้ามาในธุรกิจ เนื่องจากสามารถบริหารจัดการองค์กรได้อย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งการบริหารธุรกิจได้มุ่งการเป็นพันธมิตรกับหลายบริษัท

“บริษัทกำลังเข้าสู่ปีที่ 5 ขององค์กรแล้ว ต้องบริหารจัดการทั้งบุคลากร กระบวนการภายใน และจัดการองค์กร โดยบุคลากรในองค์กร มีตั้งแต่คนรุ่นใหม่จนถึงคนอายุ 60 ปี ต่างทำงานร่วมกัน มีเป้าหมายและมีวัฒนธรรมร่วมกัน ทุกคนต่างมีความเข้าใจ ทำงานเป็นทีม” ยงยุทธ

ยงยุทธ กล่าวต่อว่า ขณะที่เป้าหมายระยะยาวของบริษัท จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ และวางเป้าหมาย ก้าวสู่การเป็น สตาร์ทอัพ ยูนิคอร์น ในระดับภูมิภาคให้สำเร็จ