‘NODETHING’ กระเป๋าใยตาล เจ้าเดียวในไทยจาก ‘สทิงพระ’

โดย..ไชยวัฒน์ สาดแย้ม

วัสดุเหลือใช้จากพืชในประเทศไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีผู้นำเอาภูมิความรู้ท้องถิ่น นำเอาเส้นใยและเศษสิ่งเหลือใช้จากพืชมาทำประโยชน์ อาทิ มะพร้าว ต้นตาล ป่านศรนารายณ์ ผักตบชวา ธูปฤๅษี ฯลฯ นำมาพัฒนาแปรรูปแล้วนำมาถักทอออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเภทกระเป๋าถือสุภาพสตรีในรูปแบบต่างๆ ที่มีการทำออกมาได้อย่างสวยงาม เป็นที่ชื่นชอบของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

บัณฑิต หนูเพชร เจ้าของผลิตภัณฑ์กระเป๋าถือสตรีแสนสวยที่ทำมาจากใยตาล แบรนด์ “NODETHING” (โหนดทิ้ง) อีกหนึ่งในผลิตภัณฑ์งานฝีมือชื่อดังแห่ง ต.จะทิ้งพระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา บอกถึงจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ว่า ในชุมชนมีต้นตาลอยู่เป็นจำนวนมาก และจากภูมิปัญญาดั้งเดิมก็เคยใช้ใยตาลมาทำการถักทอเป็นเชือกเอาไว้ผูกวัวและเรือ ต่อมาในระยะเวลาหลังๆ มีเชือกออกมาให้เลือกซื้อหามากมาย จึงหวั่นเกรงว่าภูมิปัญญาดังกล่าวจะสูญหายไป อีกทั้งวัสดุจากใยตาลมีความแข็งแรงทนทาน ทนแดดทนน้ำ มีความเหนียวนุ่มและยังไม่เป็นราอีกด้วย

“แรกเริ่มได้รวมกลุ่มกันนำเส้นใยตาลมาถักทอเป็นหมวกจำหน่าย ตั้งแต่ช่วงปี 2522 ไปจนถึงปี 2527 จากนั้นก็หยุดไปในช่วงปี 2544 กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ผลิตหมวกออกจำหน่าย พร้อมกับพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จนออกมาเป็นกระเป๋าในรูปแบบต่างๆ โดยพัฒนาจากการนั่งสานเส้นใยตาลทีละเส้น มาเป็นการทอเส้นใยตาลให้เป็นผืน ก่อนที่จะนำไปตัดเย็บออกมาเป็นกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพายต่างๆ มีการทำงานกันในแต่ละแผนก เช่น แผนกตีเส้นใยตาล แผนกดีไซน์และออกแบบ แผนกตัดเย็บ แผนกติดตั้งอุปกรณ์ให้เป็นรูปลักษณะของกระเป๋า”

บัณฑิต บอกว่า เส้นใยตาลที่นำมาใช้คือเส้นใยที่มาจากทางของใบตาล ซึ่งมีความโดดเด่นคือ มีคุณสมบัติที่มีความเหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย แตกต่างจากเส้นใยชนิดอื่น และที่สำคัญปลวก มอด และมดต่างๆ ไม่กัดกิน

“เราจะนำเอาส่วนดังกล่าวมาทุบให้แตกละเอียดจนแยกย่อยเหลือแต่เพียงเส้นใยเล็กๆ ที่อยู่ข้างใน จากนั้นนำมาล้างทำความสะอาดก่อนตากให้แห้ง แล้วนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ อีกหลายขั้นตอน นำมาถักทอให้ออกมาเป็นผืนก่อนที่จะนำมาตัดเย็บเป็นรูปแบบกระเป๋าในแบบต่างๆ ออกแบบดีไซน์ให้เป็นไปตามสมัยนิยม และมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง”

ด้านการตลาดนั้น บัณฑิต บอกว่า มีทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยออฟไลน์นั้นจะออกบูธ ออกร้านจำหน่ายในงานสินค้าโอท็อปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และส่งขายร้านขนาดใหญ่ต่างๆ เช่น คิงเพาเวอร์ และอีกหลายแห่ง ส่วนการทำการตลาดออนไลน์นั้นมีทั้งเฟซบุ๊กและเว็บไซต์

“กระเป๋าของเราจะมีราคาขั้นต่ำตั้งแต่ 1,000 บาท ไปจนถึงราคา 5,000 บาท ราคาขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละรูปแบบ และการตกแต่งของอุปกรณ์ ประกอบกระเป๋าในรูปแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการคัดสรรให้เป็น OTOP Brand Name OTOP ขึ้นเครื่อง และที่สำคัญเราเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อปที่มีเพียงเจ้าเดียวในประเทศไทยโดยไม่มีคู่แข่งแต่อย่างใดอีกด้วย”