posttoday

เทรดบิตคอยน์เสี่ยงคุก?

02 กุมภาพันธ์ 2561

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวที่ได้รับการแชร์ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวางก็คือ การที่กระทรวงการคลังออกมาเตือน(แกมขู่?)

โดย...ชลากร วรรณโภคิน

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวที่ได้รับการแชร์ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวางก็คือ การที่กระทรวงการคลังออกมาเตือน(แกมขู่?) ว่าซื้อขายบิตคอยน์อาจจะผิดกฎหมายจนทำให้ติดคุกได้ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่เทรดสกุลเงินดิจิทัลอยู่ในปัจจุบัน

ที่จริงแล้วทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยเอง ก็ได้ออกมาเตือนเรื่องสกุลเงินดิจิทัลกันอยู่เป็นระยะๆ แต่ท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทยดูค่อนข้างจะเปิดกว้างกว่าทางกระทรวงการคลังอยู่ไม่น้อย

เมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังศึกษาเรื่องบิตคอยน์อยู่ รวมถึงเทคโนโลยีทางด้านฟินเทค เพื่อดำเนินการแก้ไขทางกฎหมายให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะมีการเตือนให้ผู้ใช้งานศึกษาเรื่องความเสี่ยงของสกุลเงินนี้ แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้น ทั้งยังบอกว่าในทางกฎหมายนั้น สกุลเงินดิจิทัลยังค่อนข้างคลุมเครือ ไม่ได้มีกฎหมายมารองรับก็เท่ากับว่าไม่ได้ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

ในขณะเดียวกัน ทางกระทรวงการคลังก็มีเรื่องออกมาจุดประเด็นให้พูดถึงอย่างร้อนแรง ทั้งการเรียกการลงทุนในบิตคอยน์ว่าเป็นการพนัน หรือกระทั่งล่าสุดที่ออกมาขู่ว่าจะติดคุกกันเลยทีเดียว

แต่ถ้าเรามาดูเนื้อหาของทางกระทรวงการคลังดีๆ แล้ว การเตือนนี้ออกมาในเชิงของความกังวลเรื่อง "การชักชวนให้มาลงทุน" ซึ่งอยู่ในพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินมากกว่าที่จะหมายความถึงการซื้อขายบิตคอยน์โดยตรง มีการอ้างอิงตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่า สกุลเงินดิจิทัลมีสถานะเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ใช่สกุลเงิน ไม่มีธุรกิจใดที่มารองรับมูลค่าของสกุลเงินนี้ และประเด็นสำคัญคือ ไม่มีธุรกิจใดที่สามารถรับรองมูลค่าผลตอบแทนจากการลงทุนได้

ซึ่งหมายความว่าใครที่มาประกาศ โฆษณา มาเชิญชวนให้ไปลงทุน แล้วจ่ายผลตอบแทนสูงๆ ทั้งที่ไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่ถูกกฎหมายรองรับ อาจจะเป็นการผิดกฎหมายได้ เช่น บอกว่าเอาบิตคอยน์มาฝากลงทุนกับเว็บเรา แล้วจะได้ผลตอบแทน 200% ต่อปี แนวธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่ หรือวันคอยน์ แบบนี้ให้เชื่อได้เลยว่าหลอกลวงแน่นอน ซึ่งก็ถูกต้องแล้วที่จะผิดกฎหมายเพราะเป็นการฉ้อโกงประชาชน

ในอีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เรื่องของ ICO เพราะเมื่อมองใน ลักษณะหนึ่ง ICO ก็เป็นการชวนคนมาระดมทุนเช่นกัน คงต้องรอให้ทางกระทรวงการคลัง หรือ ก.ล.ต. ออกมาเคลียร์ให้ชัดเจนว่า เรื่องนี้จะมีแนวทางอย่างไร

เป็นเรื่องที่ดีที่องค์กรต่างๆ ตื่นตัวออกมาพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็หวังว่าเราจะได้เห็นท่าทีอันมีประโยชน์ต่อความก้าวหน้าของประเทศ และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนไปในโอกาสเดียวกัน