จะทำอย่างไร?? หากในอีก 2 ปีข้างหน้า เทรนด์การใช้เงินสดจะลดลงไปอีก

SUN 108 จ่อให้บริการตู้จำหน่ายสินค้ารุ่นใหม่รองรับกระแสสังคมไร้เงินสด-คนเลิกพกเหรียญ ชี้เริ่มส่งสัญญาณชัดเจนยิ่งขึ้นในปีหน้า

หลังจากที่คนไทยเริ่มคุ้นชินกับ 'สังคมไร้เงินสด' แคชเลส โซไซตี (Cashless society) จากนโยบายของภาครัฐที่เข้ามาผลักดันเมื่อราว 1-2 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ภาคธนาคารและเอกชนออกมาขานรับบริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ดิจิทัลต่างๆ ทั้ง โมบายล์ แบงกิง พร้อมเพย์ การชำระเงินผ่าน คิว อาร์โคด ไปจนถึง อี-วอลเล็ท กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ เพื่ออำนวยความสะดวกการจับจ่ายซื้อสินค้าตามไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน

เช่นเดียวกันกับที่ บริษัทซันร้อยแปด จำกัด (SUN 108) ผู้ให้บริการเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Matchine) กลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม ทั้งแบบ ถ้วย กระป๋อง ขวด ทั้งร้อนและเย็น และขนมขบเคี้ยว ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปี มองเห็นกระแสดังกล่าวด้วยเช่นกัน

จากตำแหน่งทางการตลาดของ SUN 108 ในปัจจุบันซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครื่องจำหน่ายสินค้าฯแบบหยอดเหรียญเป็นหลัก แต่เมื่อกำลังถูกอนาคต แคชเลส โซไซตี ไล่ล่า แบบนี้ บริษัทก็พร้อมปรับตัวตาม

พิศณุ โชควัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัท ซันร้อยแปด จำกัด กล่าวว่า ในอีก 1- 2 ปีข้างหน้านับจากนี้ เทรนด์การใช้เงินสดในประเทศไทยจะมีแนวโน้มลดลง เป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความคุ้นเคยกับการใช้จับจ่ายซื้อสินค้าในรูปแบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านโมบายล์แบงกิง แอปพลิเคชัน และ คิวอาร์โค้ด มากขึ้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความต้องการใช้เงินเหรียญหน่วยต่างๆ ไปจนถึงการพกพาเงินสดของผู้บริโภคลดลง

กระแสดังกล่าวนี่เอง ทำให้บริษัทเตรียมความพร้อมให้บริการเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในรุ่นที่สามารถรองรับการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบต่างๆ โดยร่วมกับพันธมิตรด้านอี-เพย์เมนต์ อาทิ Rabbit+Line Pay, Alipay, WeChat pay และ Rabbit Card ให้กับลูกค้าสามารถใช้บริการเครื่องจำหน่ายสินค้าโดยไม่ใช้เงินสดที่คาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้นในอนาคต

"บริษัทเริ่มทดลองวางเครื่องจำหน่ายสินค้าฯแบบอี-เพย์เมนต์ พบว่ามียอดขายเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับกระแสการเข้าสู่แคชเลสโซไซตี และเชื่อว่าจะมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งความต้องการใช้เหรียญหายไปในอนาคต" ผู้บริหารซันร้อยแปด กล่าว

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังถือเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้ากว่า 500 รายการ (SKUs) ผ่านเครื่องจำหน่ายฯ แบ่งสัดส่วน 60% เป็นกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม และสัดส่วนอีก 40% เป็นกลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยว และ กลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ขณะกลุ่มเป้าหมายหลักผู้ใช้บริการเครื่องจำหน่ายสินค้าฯดังกล่าวหลัก แน่นอนว่าเป็น กลุ่มพนักงานออฟฟิศ และ กลุ่มคนทำงาน ดังนั้นโลเคชั่น ในย่านโรงงานต่างๆ กว่า 60% จึงเป็นทำเลทองของเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติไปโดยปริยาย ส่วนอีก 40% จะกระจายอยู่ในอาคารสำนักงาน บริษัท ต่างๆ

ปัจจุบัน บริษัทให้บริการเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในรุ่นปกติ กระจายทั่วประเทศกว่า 11,000 เครื่อง ส่วนในรุ่นชำระเงินอี-เพย์เมนต์ ภายในสิ้นปีนี้จะสามารถให้บริการได้ทั้งสิ้น 200 เครื่อง พร้อมติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพิ่มขึ้นอีก 2,000 เครื่องในปีนี้ โดยวางเป้าเติบโตธุรกิจสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 12%