posttoday

SPCG จับมือ 2 พันธมิตรฯยักษ์ใหญ่ ตั้งบริษัทร่วมลงทุนโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น

12 มีนาคม 2562

SPCG จับมือ 2 พันธมิตรฯยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น ตั้งบริษัทร่วมลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 5 โครงการ กำลังการผลิต 66.9 เมกะวัตต์มั่นใจพันธมิตรแข็งแกร่ง-มีความมั่นคงสูง ลั่นเดินหน้าลงทุนด้านพลังงานทดแทน สร้างโอกาสการเติบโตขยายฐานธุรกิจ สร้างรายได้ระยะยาว

SPCG จับมือ 2 พันธมิตรฯยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น ตั้งบริษัทร่วมลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 5 โครงการ กำลังการผลิต 66.9 เมกะวัตต์มั่นใจพันธมิตรแข็งแกร่ง-มีความมั่นคงสูง ลั่นเดินหน้าลงทุนด้านพลังงานทดแทน สร้างโอกาสการเติบโตขยายฐานธุรกิจ สร้างรายได้ระยะยาว

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” เปิดเผยว่าบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ (12 มี.ค.62) โดยบริษัทฯมีความประสงค์จะจัดตั้งบริษัท Sakura Solar Limited Liability Company ซึ่งเป็นเป็นบริษัทย่อยในประเทศญี่ปุ่น เพื่อดำเนินการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งและสัดส่วนการถือหุ้น คือ Kyocera Corporation, Japan (Kyocera) ร้อยละ 49 ,Mitsubishi Research Institute, Inc. (MRI) ร้อยละ 34 และ SPCG Public Company Limited (SPCG) ร้อยละ 17

สำหรับบริษัท Sakura Solar Limited Liability Company ซึ่งเป็นเป็นบริษัทย่อยในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีโครงการที่จะดำเนินการก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มเริ่มต้น 5 โครงการคือ 1.Kumamoto (1) Ichinomiya ขนาดกำลังการผลิต 1.9 เมกะวัตต์ 2.Kumamoto (1) Mashikiขนาดกำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ 3.Kumamoto Kurumagaeriขนาดกำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ 4.Kumamoto Minamataขนาดกำลังการผลิต 24 เมกะวัตต์ และ 5.Kyoto Watsukaขนาดกำลังการผลิต 38 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 66.9 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้เงินในการลงทุนประมาณ 235 ล้านบาท โดยมีแผนการลงทุนในปี 2019 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2020-2022

SPCG จับมือ 2 พันธมิตรฯยักษ์ใหญ่ ตั้งบริษัทร่วมลงทุนโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม กรรมการผู้จัดการใหญ่ SPCG กล่าวด้วยว่าขณะนี้บริษัทฯได้ลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่นหลายโครงการ โดยมีรายได้เข้าบริษัทฯแล้วจากโครงการโซลาร์ฟาร์มแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น โครงการ Tottori Yonago Mega Solar ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ณ เมือง Tottori ซึ่งได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้นับเป็นปีแรกที่บริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้แบบเต็มปี โดยโครงการนี้เป็นการจับมือร่วมกับ Kyocera Corporation, Japan ผู้นำธุรกิจผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ และบริษัท Tokyo Century Leasing Corporation หรือ TCL ผู้นำในธุรกิจเช่าซื้อในประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างเดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์ม ภายใต้ชื่อ “Ukujima Mega Solar Project” บนเกาะ Ukujimaเมืองนางาซากิด้วยขนาดกำลังการผลิต 480 เมกะวัตต์ โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนของ 8 บริษัท ได้แก่ Kyocera Corporation, Kyudenko Corporation, Mizuho Bank, SPCG Pubic Company Limited, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited, Tsuboi Corporation และ The Eighteenth Bank Limited ด้วยงบประมาณการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 200 Billion Yen (หรือประมาณ 1.8 Billion USD หรือประมาณ 57,400 ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน = 31.91 ณ วันที่ 4 มีนาคม 2562)โครงการดังกล่าวมีกำหนดเริ่มการก่อสร้างในปี 2019 โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้า FIT ตามเดิม

กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสพีซีจีฯ กล่าวด้วยว่า นโยบายของบริษัทฯ ในการลงทุนโครงการต่างๆจะมุ่งเน้นการลงทุนระยะยาวและมีความมั่นคงสูง ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศมีปัจจัยสำคัญหลายด้าน ซึ่งบริษัทฯเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีและมีความเข้มแข็งเป็นสิ่งสำคัญ โดยบริษัทฯมุ่งมั่นที่แสวงหาโอกาสและทางเลือกการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในต่างประเทศต่อไป เพื่อสร้างการเติบโตขยายฐานธุรกิจและเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นอีกด้วย