posttoday

"แรงเลอร์"ลุยหั่นราคา

12 มีนาคม 2562

แรงเลอร์ ดัมพ์ 5-10% หวังบุกตลาดแมส ประกาศเปิดช็อปในบิ๊กซี-โลตัส สู้ยีนส์แข่งขันดุ หวังดันยอดสิ้นปีโต 10%

แรงเลอร์ ดัมพ์ 5-10% หวังบุกตลาดแมส ประกาศเปิดช็อปในบิ๊กซี-โลตัส สู้ยีนส์แข่งขันดุ หวังดันยอดสิ้นปีโต 10%

นายตามตะวัน แจ่มจรัส ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายธุรกิจไลเซ่น บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ต กรุ๊ป หรือซีเอ็มจี ผู้บริหารเครื่องแต่งกายยีนส์ภายใต้แบรนด์ แรงเลอร์ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 นี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าในตลาดระดับกลาง (แมส) มากขึ้น จากเดิมจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดบนเป็นหลัก ด้วยการเข้าไปเปิดช็อปแรงเลอร์ในพื้นที่พลาซ่า ของไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่าง บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ และเทสโก้ โลตัส มากขึ้น เนื่องจากตลาดดังกล่าวยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดได้อีกมาก

สำหรับพื้นที่ที่จะใช้เปิดร้านแรงเลอร์ในห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ และเทสโก้ โลตัส จะอยู่ที่ประมาณ 40-80 ตารางเมตร ซึ่งแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 3-4 แสนบาท โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาได้เริ่มเข้าไปเปิดให้บริการบ้างแล้วประมาณ 1-2 สาขา คาดว่าจะเปิดครบ  40 สาขา ภายใน 5 ปีนับจากนี้ หรือประมาณปี 2566 ส่วนภาพรวมการขยายสาขาร้านแรงเลอร์ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 สาขา

ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าของเครื่องแต่งกายแรงเลอร์ได้ง่ายขึ้น บริษัทได้ทำการปรับราคาสินค้าลดลงจากเดิมประมาณ 5-10% ทำให้ราคาสินค้าที่นำมาจำหน่ายในห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ และเทสโก้ โลตัส จะมีเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 990 บาท

"สินค้าที่นำมาจำหน่ายในไฮเปอร์มาร์เก็ตจะมีความแตกต่างจากที่ขาย ภายในศูนย์การค้า คือบริษัทจะปรับเกรดลดลงมาเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะสมกับราคาที่ตั้ง ซึ่งหลังจากเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังบริษัทมั่นใจว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดี แม้ว่าราคาจะสูงกว่าคู่แข่งที่ขายราคาเริ่มต้นเฉลี่ยที่ 890 บาท เนื่องจากบริษัทจะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้วยการแจกของแถมควบคู่ไปกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าอย่างต่อเนื่อง" นายตามตะวัน กล่าว

ด้านแผนการทำตลาดปีนี้ บริษัทจะเน้นไปที่การทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและเปิดตัวสินค้าคอลเลกชั่นใหม่เข้ามาทำตลาดทุกไตรมาส เพื่อเพิ่มทางเลือก ให้กับลูกค้าและสร้างสีสันให้กับตลาด ยีนส์ โดยล่าสุดได้เปิดตัวสินค้านำเข้า คอลเลกชั่นใหม่ "แรงเลอร์ ไอคอนส์" เข้ามาทำตลาดในช่วงนี้จนถึงเดือน พ.ค. จำนวน 3.5 หมื่นตัว ซึ่งหลังจากจบแคมเปญคาดว่าจะมียอดขายคิดเป็น 80% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด

นายตามตะวัน กล่าวว่า จากแผน การดำเนินงานดังกล่าว คาดจะทำให้บริษัท มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2561 ที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมปีที่ผ่านมาในช่วงไตรมาส 3 มียอดขายลดลง เพราะยอดขายจากนักท่องเที่ยวหายไป