posttoday

ซิซซ์เล่อร์ลุยเดลิเวอรี่

15 กุมภาพันธ์ 2562

ซิซซ์เล่อร์ไทยประเดิมเปิดให้บริการเดลิเวอรี่ หวังตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ชูกลยุทธ์ราคาถูกกว่านั่งทาน 100-130 บาท

ซิซซ์เล่อร์ไทยประเดิมเปิดให้บริการเดลิเวอรี่ หวังตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ชูกลยุทธ์ราคาถูกกว่านั่งทาน 100-130 บาท

นางนงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วย รองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที ในเครือไมเนอร์ ผู้บริหารร้านซิซซ์เล่อร์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับการรับประทานอาหารในรูปแบบของนั่งทานในร้าน ซื้อกลับบ้าน (เทก อะ เวย์) และเดลิเวอรี่ พบว่า ลูกค้าประมาณ 30% ของจำนวนลูกค้าที่ทำการสำรวจทั้งหมด ต้องการให้ร้านซิซซ์เล่อร์มีบริการแบบเดลิเวอรี่ เนื่องจากปัจจุบันกรุงเทพฯ มีปัญหาในด้านของการจราจร

ดังนั้น บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาส ด้วยการนำร้านซิซซ์เล่อร์มาเปิดให้บริการในรูปแบบเดลิเวอรี่เป็นครั้งแรกของโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ประกอบกับปัจจุบันร้านซิซซ์เล่อร์ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ จึงทำให้เหมาะกับการให้บริการเดลิเวอรี่ โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้ออาหารผ่านทางแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ซิซซ์เล่อร์ รวมไปถึงคอลเซ็นเตอร์ 1112 ในเครือไมเนอร์ ซึ่งการสั่งซื้อสินค้าทุกครั้งจะบวกค่าบริการเพิ่มอีก 50 บาท

"บริษัทได้เริ่มเปิดให้บริการซิซซ์เล่อร์เดลิเวอรี่ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยในแต่ละวันบริษัทคาดว่าจะมียอดออร์ เดอร์ประมาณ 20-30 ออร์เดอร์/สาขา/วันในช่วงปีแรกนี้ ซึ่งในส่วนของราคาอาหารบริษัทได้วางไว้ว่าจะมีราคาต่ำกว่านั่งทานในร้านเฉลี่ยที่ประมาณ 100-130 บาท/เมนู" นางนงชนก กล่าว

สำหรับแผนการขยายสาขาในปี 2562 นี้ บริษัทจะเปิดร้านซิซซ์เล่อร์สาขาใหม่ประมาณ 10 สาขา มากกว่าปีก่อนที่เปิดไปเพียง 3 สาขาเท่านั้น ขณะเดียวกัน ก็จะทำการปรับปรุงร้านเก่าอีกประมาณ 6 สาขา ภายใต้งบลงทุนรวมที่ประมาณ 150 ล้านบาท

ในส่วนของสาขาใหม่ที่ได้เปิดให้บริการแล้วปีนี้ คือ เอสพละนาด โดยลดขนาดพื้นที่เหลือประมาณ 280-300 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากปกติจะใช้พื้นที่ 300-600 ตร.ม. เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและขนาดพื้นที่

นางนงชนก กล่าวอีกว่า การปรับลดขนาดพื้นที่ดังกล่าวยังทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการลงทุนได้สูงถึง 7% จากเดิมจะใช้งบลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท/สาขา ที่มีขนาดมากกว่า 300-400 ตร.ม. ปรับลดลงเหลือ 15 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวบริษัทคาดว่าสิ้นปี 2562 นี้ น่าจะมีรายได้เติบโตอยู่ที่ประมาณ 10% และสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเดลิเวอรี่และซื้อกลับบ้าน 3 เท่าตัว จาก 5% เป็น 15%