posttoday

เอเชียทีคดึงไทยเที่ยว

08 มกราคม 2562

เอเชียทีคปั้นภาพลักษณ์ เอาต์ดอร์ ช็อปปิ้ง เอ็กซ์พีเรียนซ์ ริมน้ำ หวังเป็นเวิลด์เดสติเนชั่น ภายในปี 2025

เอเชียทีคปั้นภาพลักษณ์ เอาต์ดอร์ ช็อปปิ้ง เอ็กซ์พีเรียนซ์ ริมน้ำ หวังเป็นเวิลด์เดสติเนชั่น ภายในปี 2025

น.ส.เปรมินทร์ เลอนรเสฏฐ์ ผู้จัดการทั่วไป โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ กลุ่มบริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ นับจากนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนว่าเป็นโครงการค้าปลีกในรูปแบบ "เอาต์ดอร์ ช็อปปิ้ง เอ็กซ์พีเรียนซ์" ด้วยการชูจุดเด่นการเป็นโครงการค้าปลีกริมแม่น้ำที่มีเรื่องราว เนื่องจากสถานที่ตั้งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน

ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การเตรียมความพร้อมก่อนที่จะนำโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ไปเปิดให้บริการในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากขณะนี้มีพันธมิตรจากหลายประเทศเข้ามาติดต่อขอให้บริษัทนำโครงการเอเชียทีคเข้าไปเปิดให้บริการ ซึ่งจากการพูดคุยมีความเป็นไปได้ว่าบริษัทจะเลือกประเทศเพื่อนบ้านเป็นกลุ่มประเทศแรกในการนำโครงการเอเชียทีคเข้าไปเปิดให้บริการภายใน 5 ปีนับจากนี้

"ตลาดต่างประเทศที่บริษัทจะนำโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เข้าไปเปิดให้บริการ จะต้องมีทำเลอยู่ติดริมแม่น้ำเหมือนกับที่ประเทศไทย ซึ่งจากที่คุยกันกับพันธมิตรทางธุรกิจก็มีที่ดินในลักษณะดังกล่าวเตรียมพร้อม เพื่อให้บริษัทเข้าไปเปิดให้บริการแล้ว ตอนนี้เหลืออยู่แค่ว่าเราต้องสร้างคาแรกเตอร์ของเอเชียทีคให้มีความชัดเจนเท่านั้น" น.ส.เปรมินทร์ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยปี 2562 นั้น บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายฐานดึงลูกค้าคนไทยมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทพึ่งพากลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งแม้ว่าการปรับตัวลดลงของนักท่องเที่ยวจีนที่เกิดขึ้นในปีนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับโครงการเอเชียทีคมากนัก แต่เพื่อความไม่ประมาท บริษัทจึงจะหันมาเน้นขยายฐานลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง

น.ส.เปรมินทร์ กล่าวว่า กลยุทธ์ที่บริษัทจะนำมาขยายฐานลูกค้าคนไทยคือ การปรับโซนร้านค้าใหม่ด้วยการเพิ่มโซนขายสินค้าวินเทจเข้ามา จากเดิมมีเพียงโซนอาหารและเครื่องดื่ม โซนแฟชั่น โซนความงาม โซนของที่ระลึก และโซนของแต่งบ้าน ทั้งนี้ก็เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลาย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะทยอยปรับโซนได้แล้วเสร็จประมาณไตรมาส 2 ของปี 2562

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะสร้างท่าเรือใหม่ พร้อมกับสร้างเรือใบ 3 เสา ภายใต้ชื่อ สิริมหรรณพ ยาว 52 เมตร โดยจะนำมาจอดเทียบ ณ ท่าเรือเอเชียทีค ที่จะทำการสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อสร้างให้เป็นอีกหนึ่งจุดขายของโครงการและรองรับ การจัดงานในรูปแบบต่างๆ เนื่องจากเรือลำดังกล่าวสามารถจุผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 200 คน

ขณะเดียวกัน บริษัทยังจะนำเครื่องเล่นใหม่ภายใต้ชื่อ เดอะ แมนชั่น เข้ามาเปิดให้บริการ ซึ่งจากแนวทางการดำเนินงานดังกล่าว บริษัทมั่นใจว่าจะทำให้โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เป็นเวิลด์เดสติเนชั่น ภายในปี 2025 ได้อย่างแน่นอน