posttoday

เจาะทิศองค์กรไทย ลุยแมชีนเลิร์นนิ่ง

16 ตุลาคม 2561

ทิศทางขององค์กรไทยในอนาคตจะมีการทยอยนำ "แมชีนเลิร์นนิ่ง" มาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง

ทิศทางขององค์กรไทยในอนาคตจะมีการทยอยนำ "แมชีนเลิร์นนิ่ง" มาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง

****************************

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

การขับเคลื่อนขององค์กรไทยยังช้าสำหรับการใช้แมชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning) เพราะหลายธุรกิจยังอยู่แค่ในยุคของการปฏิวัติข้อมูลหรือให้ความสำคัญกับการลงทุนบิ๊กดาต้า แต่จุดมุ่งหมายปลายทางข้างหน้าแล้ว ทุกองค์กรต้องทำให้ได้ สำหรับการนำแมชีนเลิร์นนิ่งมาใช้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน

จาริตร์ สิทธุ หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการ ไอดีซี ประเทศไทย องค์กรด้านการวิจัยและที่ปรึกษาไอซีที เปิดเผยว่า การใช้แมชีนเลิร์นนิ่งในภาคธุรกิจโดยรวมของประเทศไทยยังมีไม่มากนัก เนื่องจากองค์กรเพิ่งเริ่มตื่นตัวการลงทุนบิ๊กดาต้าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น สำหรับธุรกิจที่อยู่แถวหน้าและเริ่มนำแมชีนเลิร์นนิ่งมาใช้มีด้วยกัน 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธนาคารใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาธุรกิจและบริการ เช่น เอสซีบี อบาคัส ของธนาคารไทยพาณิชย์

นอกจากนี้ พบว่ากลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลนำแมชีนเลิร์นนิ่งมาวินิจฉัยโรคบ้างแล้ว เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สำหรับภาคธุรกิจที่มีความพร้อมใช้งานแมชีนเลิร์นนิ่ง จากการจัดเก็บบิ๊ก ดาต้า กลุ่มธุรกิจค้าปลีก อี-คอมเมิร์ซ และธุรกิจโทรคมนาคม และปีหน้าจะเห็นว่าการใช้งานเริ่มมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายของการใช้แมชีนเลิร์นนิ่ง เพื่อเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการสินค้าได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับนำเสนอสินค้าและบริการได้อย่างแม่นยำและเฉพาะบุคคลยิ่งขึ้น

ขณะที่กลุ่มที่ยังอยู่ในช่วงการเตรียม ความพร้อมในการลงทุนการจัดเก็บบิ๊กดาต้า คือ หน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา และกลุ่มที่รั้งท้าย คือ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีการจัดเก็บดาต้าในระบบ การทรานส์ฟอร์เมชั่นจึงทำได้ช้า โดยพบว่ามีเพียงโรงงานปูนซีเมนต์นครหลวงเท่านั้นที่เริ่มใช้แมชีนเลิร์นนิ่ง เพื่อคาดคะนเประสิทธิภาพของการทำงานของเครื่องจักร แต่อนาคตแมชีนเลิร์นนิ่งสามารถทำงานได้ถึงการแจ้งว่า วัตถุดิบที่ใช้ภายในโรงงานกำลังจะหมดลงหรืออยู่ภาวะขาดแคลน

ทั้งนี้ ทิศทางการใช้แมชีนเลิร์นนิ่งของธุรกิจไทยจะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่การจัดเก็บบิ๊กดาต้าที่ต้องใช้งานได้จริง มี
ผู้วิเคราะห์ดาต้าซึ่งยังขาดแคลนบุคลากรในด้านดังกล่าวจำนวนมาก ทำให้องค์กรยังคงเผชิญกับปัญหาการนำดาต้าไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ หากองค์กรที่มีความพร้อมสามารถนำพัฒนาธุรกิจโดยใช้แมชีนเลิร์นนิ่งได้ภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี

พรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการธุรกิจสื่อไอทีและดิจิทัล บริษัทเออาร์ไอพี กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในปีนี้กลุ่มธุรกิจใช้งบประมาณส่วนใหญ่มุ่งไปสู่บิ๊กดาต้า โดยพบเม็ดเงินลงทุนซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งเห็นการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อหวังยกระดับการบริการให้กับลูกค้า ในส่วนขององค์กรใช้แมชีนเลิร์นนิ่ง มีเฉพาะบางธุรกิจเท่านั้น

แมชีนเลิร์นนิ่งเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับองค์กร เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้การทำตลาด การออกสินค้าใหม่ การโฆษณา และสิ่งต่างๆ มีความแม่นยำยิ่งขึ้นจากการเรียนรู้ด้วยต้วเองและข้อมูลจำนวนมาก สำหรับองค์กรที่อยู่ในขั้นของการจัดเก็บข้อมูล คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 3 ปี ถึงจะใช้แมชีนเลิร์นนิ่งในการทำธุรกิจ