posttoday

"กลุ่มจุฬางกูร"อุ้มนกแอร์ ยันไม่ขายทิ้งหาคนฟื้นกิจการ

02 กันยายน 2561

กลุ่มจุฬางกูรยันยังไม่ขายทิ้งนกแอร์ สัดส่วนถือหุ้นพุ่งเป็น 52.3% ลุ้นประชุมผู้ถือหุ้นโหวตกู้เงิน “หทัยรัตน์” 500 ล้าน ลงทุนนกสกู๊ต

กลุ่มจุฬางกูรยันยังไม่ขายทิ้งนกแอร์ สัดส่วนถือหุ้นพุ่งเป็น 52.3% ลุ้นประชุมผู้ถือหุ้นโหวตกู้เงิน “หทัยรัตน์” 500 ล้าน ลงทุนนกสกู๊ต

แหล่งข่าวจากกลุ่มจุฬางกูร เปิดเผยว่า ทางครอบครัวจุฬางกูรยังไม่มีนโยบายที่จะขายทิ้งหุ้นของบริษัท สายการบินนกแอร์ ให้กับสายการบินต่างชาติโดยทางกลุ่มได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 52.3% โดยเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา นางหทัยรัตน์ จุฬางกูร หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้ซื้อหุ้นนกแอร์อีก 0.05% ส่งผลให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 10.04%

“นี่เป็นการบ่งชี้ว่ามีความตั้งใจที่จะพลิกฟื้นฐานะของบริษัท ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คนใหม่ โดยเป็นชาวไทยหรือต่างชาติก็ได้ที่มีความสามารถในการบริหารสายการบิน ไม่เน้นมีความรู้ด้านการเงิน เพราะปัญหาเป็นเรื่องการบริหารไม่ใช่เรื่องเงิน” แหล่งข่าวเปิดเผย

สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่นกแอร์ ณ วันที่ 5 มี.ค. 2561 นายณัฐพล จุฬางกูรถือหุ้นอันดับหนึ่งที่ 23.77% รองลงมาคือ บริษัท การบินไทย 21.80% นายทวีฉัตร จุฬางกูร 18.49% นางหทัยรัตน์ จุฬางกูร 7.08% นายพาที สารสิน 0.82% RAFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED 0.62% นายธรรม์ จิราธิวัฒน์ 0.51% และบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ 0.50%

ทั้งนี้ นกแอร์แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) วันที่ 15 ส.ค. มีมติให้กู้ยืมเงินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน และการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท สายการบินนกสกู๊ต โดยจะขออนุมัติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 4 ต.ค.นี้ โดยอนุมัติกู้ยืมเงินจํานวน 500 ล้านบาท จากนางหทัยรัตน์ ซึ่งเป็นญาติสนิทของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของนกแอร์ (ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2561 ถือหุ้น 9.22%)

สำหรับวงเงินกู้ยืมดังกล่าว สามารถทยอยเบิกถอนโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินมีอายุคราวละไม่เกิน 180 วัน อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี ระยะเวลากู้ยืมไม่เกิน 12 เดือน ชําระคืนเมื่อครบกําหนดของตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับวัตถุประสงค์การกู้เงินเพื่อใช้ในการดําเนินงานทั่วไป ตลอดจนการให้บริษัท นกมั่งคั่ง กู้ยืมเพื่อลงทุนในบริษัท สายการบินนกสกู๊ต

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเปิดเผยว่ายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกหรือไม่ หากไม่เพิ่มทุนจะนำเงินมาจากไหนก็จะต้องพิจารณากันโดยละเอียด