posttoday

ธุรกิจซ่อมบำรุงต่อยอด รับ 10 อุตสาหกรรมอีอีซี

08 สิงหาคม 2561

นโยบายสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของรัฐบาล ส่งผลดีต่อธุรกิจให้บริการบำรุงรักษาเครื่องจักร

นโยบายสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของรัฐบาล ส่งผลดีต่อธุรกิจให้บริการบำรุงรักษาเครื่องจักร

*************************

โดย...ภูวดล โกมลรัตนเสถียร

นโยบายสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของภาครัฐ ถือเป็นยาหอมที่จูงใจให้หลายภาคอุตสาหกรรม 10 กลุ่มเป้าหมาย สนใจเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิต และยังส่งผลดีต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการบำรุงรักษาเครื่องจักร

ร้อด เอเรลยาโน ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท เอ็นซีเอช ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้เล็งเห็นศักยภาพการลงทุนของไทย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ด้วยนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนในภูมิภาค

ดังนั้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทจึงใช้งบลงทุนกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 160 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจการให้บริการด้านผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการบำรุงรักษาเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมแบบครบวงจร โดยเฉพาะการขยายพื้นที่โรงงานเพื่อเพิ่มการผลิต และนำเทคโนโลยีการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เข้ามาในโรงงาน ทำให้เป็นโรงงานที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของกลุ่มเอ็นเอสซีในอาเซียนตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี ทั้ง 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงการขยายตัวกลุ่มอุตสาหกรรมการให้บริการในธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้บริษัทต้องเร่งลงทุนพร้อมมุ่งเน้นเพิ่มตัวแทนขายและฝึกอบรมบุคลากรทั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและระดับปฏิบัติการ โดยตั้งเป้าที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่มีการให้บริการกลุ่มอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซีเพิ่มขึ้นเป็น 85% ในปีนี้ และคาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 100%

ขณะที่แผนลงทุนในช่วง 3 ปีจากนี้ บริษัทจะใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวจากที่ผ่านมา หรือราว 640 ล้านบาท เพื่อขยายฐานการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์และคลังสินค้าครอบคลุม 6 กลุ่มธุรกิจบริการของบริษัท ได้แก่ กลุ่มการบำรุงรักษา กลุ่มผลิตภัณฑ์หล่อลื่น กลุ่มดูแลระบบน้ำครบวงจร กลุ่มวิทยาศาสตร์ชีวภาพ กลุ่มความปลอดภัยของกระบวน การผลิตอาหาร และกลุ่มบำบัดน้ำเสีย ครอบคลุมทั้งในโรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาล

ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างขยายโรงงานผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์หล่อลื่นเพื่อลดการนำเข้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต 1 เท่าตัวจากปัจจุบัน และจะทำให้ไทยสามารถเป็นฐานการส่งออกผลิตภัณฑ์หล่อลื่นไปในตลาดอาเซียน เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย รวมถึงอินเดีย โดยคาดจะก่อสร้างโรงงานดังกล่าวแล้วเสร็จและเริ่มส่งออกได้ภายในปี 2563 และจะใช้เวลา 5 ปี เพื่อผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางส่งออกกลุ่มผลิตภัณฑ์หล่อลื่นของบริษัท

เอเรลยาโน กล่าวว่า จากแผนลงทุนของบริษัทคาดจะช่วยให้เกิดรายได้เติบโต 10% ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ และทำให้บริษัทมีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ยปีละ 20-25% ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 (พ.ค. 2561-เม.ย. 2562) คาดจะมีรายได้อยู่ที่ 200 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าใน 5 ปีจากนี้ ผลักดันให้รายได้ของบริษัทในไทยกลับมาติดอันดับ 1 ใน 20 ประเทศจากทั้งหมด 53 ประเทศทั่วโลก