posttoday

"ชาญศิลป์ ตรีนุชกร" ซีอีโอใหม่ปตท. สร้างความมั่นคง-มั่งคั่ง

22 กรกฎาคม 2561

"ชาญศิลป์ ตรีนุชกร" ซีอีโอคนใหม่ของปตท.ที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 31 ส.ค.นี้ กับเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และความมั่งคั่งทางธุรกิจ

"ชาญศิลป์ ตรีนุชกร" ซีอีโอคนใหม่ของปตท.ที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 31 ส.ค.นี้ กับเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และความมั่งคั่งทางธุรกิจ

************************

โดย...วารุณี อินวันนา

ชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. คนใหม่จะเข้ามารับตำแหน่งวันที่ 31 ส.ค. 2561 ต่อจาก เทวินทร์ วงศ์วานิช ที่หมดวาระ

ชาญศิลป์ กล่าวว่า นอกจากสานต่อกลยุทธ์ 3D คือ Do now, Decide now และ Design now เพื่อให้องค์กร ปตท.เติบโตอย่างยั่งยืนแล้วยังคงยึดภารกิจหลักของการตั้ง ปตท. 2 ด้านใหญ่ คือ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ และทำการค้าขายสร้างความมั่งคั่งทางธุรกิจ

ด้านการสร้างความมั่นคงทางพลังงานจะดูแลการจัดหาก๊าซแอลเอ็นจี ทำคลังก๊าซแอลเอ็นจี เพราะไทยจะใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการพัฒนาเศรษฐกิจ ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจี จะถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงสะอาดและมีมาก โดยจะสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 เชื่อมฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของประเทศ ทำให้เกิดความมั่นคงทางด้านการจัดส่งไปให้โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

ด้านความมั่งคั่งทางธุรกิจ คือการดูแลเศรษฐกิจ พลังงาน โดยเฉพาะน้ำมัน ปิโตรเคมี ส่วนหนึ่งในการนำไปทำผลิตภัณฑ์ ทั้งด้านการบรรจุหีบห่อ อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนประกอบของรถยนต์ น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันรถยนต์ น้ำมันเรือทั้งหลาย สนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศนำไปสู่การจ้างงาน การส่งออก การท่องเที่ยว หรือสถานีบริการ ก็เป็นส่วนพัฒนาด้านการท่องเที่ยว การค้าขาย

ในการทำงานจะยึดกรอบ ความยั่งยืน เน้นสร้างความสมดุลระหว่างชุมชน สังคมสิ่งแวดล้อม ตามหลัก DJSI (Dow Jones Sustainability Index) และ SDGs (Sustainable Development Goals)

ขณะที่ ด้านการค้าขาย ธุรกิจมีการแข่งขันมากขึ้น ปตท.แข่งขันกับบริษัทน้ำมันระดับโลกที่เข้ามาในไทยตั้งแต่ 40 ปีที่แล้ว ยังปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ทำธุรกิจน้ำมัน ขยายมาเป็นธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือนันออยล์ มีการทำสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่แบบไลฟ์สเตชั่น มีธุรกิจร้านกาแฟอเมซอน และปรับตัวไปสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2561-2563 จะเติบโตราว 2-3% ต่อปี ต้องรักษาอัตราการเติบโตของกำไรให้เพิ่มสูง

“ขนาดของสินทรัพย์และรายได้ ปตท.ไม่ได้ใหญ่มากบนเวทีโลก ถือว่าอยู่ระหว่างกลาง แต่โดยศักยภาพในการปรับตัว เราคิดว่ามีระดับหนึ่ง เพราะมีบุคลากรที่เป็นเจเนอเรชั่นที่ดี มีฐานของทุนที่ดี มีฐานของธุรกิจที่ปรับตัวมาโดยตลอด และเราไม่ได้อยู่นิ่ง กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มโรงกลั่น เราปรับตัวตลอด กลุ่มของแก๊สเราก็ปรับตัวอยู่” ชาญศิลป์ กล่าว

การเข้ามาเป็นซีอีโอในยุคที่โลกกำลังทรานส์ฟอร์มสู่พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ทำให้เกิดความท้าทายใน 2 ด้าน คือ ด้านการเรียนรู้ทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และการปรับ Mind Set ของคนที่เคยทำธุรกิจรูปแบบเดิม แล้วสำเร็จ จะไม่อยากเปลี่ยนแปลงมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจทางธุรกิจ

ทั้งนี้ จะมีการนำเสนองบประมาณในการดำเนินโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมและดิจิทัล ต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท.ในเดือน พ.ย.นี้

ปตท.ศึกษา New S-Curve มาตลอด ทำให้เห็นทิศทางในอนาคตจากเดิม น้ำมันเติบโตตามอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) แต่วันนี้เติบโตน้อยกว่าจีดีพีแล้ว เพราะเริ่มมีไบโอดีเซล เอทานอล มาทดแทน มีรถที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี รถใช้ก๊าซแอลพีจี ก๊าซแอลเอ็นจี และเริ่มมีรถไฟฟ้า โดยเฉพาะประเทศทางยุโรป อเมริกา และจีน ซึ่งเริ่มเข้ามาที่ประเทศไทยแล้ว แต่เชื่อมั่นว่า ในปัจจุบันและในระยะกลาง น้ำมันยังเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในการขนส่ง เพราะรถไม่สามารถเปลี่ยนได้ง่ายๆ เหมือนโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากมีราคาแพง

สำหรับการรองรับในระยะยาว เริ่มจากต้องดูความสามารถหรือจุดแข็ง ซึ่งในกลุ่ม ปตท.มีความสามารถเรื่องบุคลากรการบริหารจัดการ การเชื่อมโยงกับธุรกิจ และมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้นานแล้ว

“เรามีบริษัท พีทีที ดิจิตอล ซึ่งเป็นคนดูแลเรื่องดิจิทัลให้กับกลุ่ม ร่วมมือกับผู้ที่ทำดิจิทัลในประเทศและทั่วโลก เช่น ธนาคาร ก็เริ่มนำดิจิทัลเข้ามาทำธุรกิจ ร่วมมือกับธนาคารของไทย และร่วมกับบริษัทชั้นนำของโลกในเรื่องการทำดิจิทัล ทั้งในสหรัฐและเอเชีย มีการศึกษากันอยู่อย่าง
เข้มข้น” ชาญศิลป์ กล่าว

ชาญศิลป์ กล่าวว่า คอนเซ็ปต์ของ New S-Curve ส่วนใหญ่ จะเน้นไปที่สมาร์ทแมทีเรียลส์ (Smart Materials) เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ผ่านมา ปตท.ก็มีประสบการณ์ในการก่อสร้างและบริหารอาคาร EnCo ซึ่งเป็นอาคารอนุรักษ์พลังงาน (Green Building) และอาคารอัจฉริยะ (Intelligent Building) ที่มีการนำเอาเรื่องพลังงานเข้าไปบริหารจัดการ รวมถึงอิเล็กทริกซิตี้แวลูเชน อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพ

36 ปี 19 ตำแหน่ง ทีมสำคัญ ต้องเก่ง+ดี

ชาญศิลป์ ตรีนุชกร วัย 58 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. คนที่ 9 จปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารอื่นๆ อีกจำนวนมากจากหลากสถาบัน เริ่มทำงานที่บริษัท ปตท. ปี 2525 ในตำแหน่งเศรษฐกร และเติบโตในสายอาชีพมาอย่างต่อเนื่อง

“ผมอยู่ในธุรกิจน้ำมัน ทำงานอยู่ ปตท.ปีนี้ปีที่ 36 ผ่านสายงานมา 19 ตำแหน่ง เป็นกรรมการมา 16 บริษัทในเครือ เป็นประธานกรรมการมา 5 บริษัท และเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทย่อย ที่ไม่ใช่ธุรกิจที่ทำรายได้หลักมา 3 บริษัท ทำให้เห็นภาพรวมของธุรกิจของ ปตท. แต่ถึงกระนั้นต้องทำงานเป็นทีม ร่วมกับระดับรอง ผู้ช่วย ฝ่ายต่างๆ” ชาญศิลป์ กล่าว

หากเปรียบเป็นแม่ทัพ ก็เป็นแม่ทัพที่ทำงานเป็นทีม เพราะไม่ใช่ซูเปอร์แมน และเน้นทำงานเป็นทีม ซึ่งทีมที่ ปตท.ล้วนเติบโตและทำงานด้วยกันมา 20-30 ปี และรู้นิสัยกัน ใช้ชุดความคิดและสปิริต ด้านความเก่ง ความดี ในการทำงานด้วยกัน

“ทีมทางด้านวิศวกร คุณเทวินทร์ กับคณะกรรมการ มีวิสัยทัศน์ที่ดีมาก ตั้งทีม ‘Express Solution หรือ ExpresSo’ เพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve ขึ้นมา ผมมารับหน้า Chief Technology Officer หรือ CTO มาระยะหนึ่งแล้ว ทีมนี้จะไปสรรหาบริษัทร่วมลงทุน (Venture Capital) ในบริษัท หรือกับคนที่ทำเทคโนโลยีใหม่ร่วมมือกัน ไปลงทุนบ้างบางส่วน” ชาญศิลป์ กล่าว

ชาญศิลป์ กล่าวว่า ทีมนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้ทุน ปตท.ไปเรียนต่างประเทศ กลับเข้ามาทำงานกับ ปตท.ได้ 3-5 ปี จะมีการทำเรื่องเทคโนโลยีใหม่ การใช้อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ เรื่องของเอไออิเล็กทริก แวลูเชน เรื่องของโดรน และแนวโน้มใหม่เพิ่มเข้ามา ซึ่งน่าสนุก น่าติดตาม น่าตื่นเต้น เป็นทางเลือกของธุรกิจหลายเรื่อง และจะเริ่มออกดอกออกผลปลายปี 2561 หรือต้นปี 2562

“ช่วงแรกที่ผมมาดู ยังต้องศึกษาข้อมูลเยอะมาก อะไรดีไม่ดี เราไม่กล้าถลำไปมาก เนื่องจากดิจิทัลเร็วมาก ถ้าเข้าเร็วจะทำให้เสียโอกาสบางอย่าง ถ้าเข้าช้าก็ไม่ได้อีกตรงนี้สำคัญ” ชาญศิลป์ กล่าว