posttoday

ไทยแอร์เอเชียเล็งออกIPO

21 กรกฎาคม 2561

ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์เผยผุดไอพีโอเร็วๆ นี้ หวังปรับโครงสร้าง เตรียมเปิดเส้นทางการบินใหม่

ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์เผยผุดไอพีโอเร็วๆ นี้ หวังปรับโครงสร้าง เตรียมเปิดเส้นทางการบินใหม่

นายโทนี เฟอร์นานเดส ประธาน เจ้าหน้าที่บริการกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์อาจออกหุ้นเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) เร็วๆ นี้ โดยไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน หวังปรับโครงสร้างองค์กรเป็นโฮลดิ้ง คอมปานี เพื่อให้สอดคล้องกับบริษัท แอร์เอเชีย กรุ๊ป

สำหรับเป้าหมายปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นโฮลดิ้ง คอมปานีแล้ว ยังรวมถึง การสร้างฮับด้านยุทธศาสตร์ในบาหลี และกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ควบคู่ไปกับการจัดการระบบบริหารรายได้ของแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งแตกต่างไปจากระบบบริหารรายได้ของกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย

"เครือข่ายเส้นทางการบิน รูปแบบสายการบิน และโครงสร้างองค์กรได้รับการแก้ไขแล้ว ขณะที่มีการซื้อเครื่องบินแล้วเช่นกัน ส่วนเรื่องการบริหารรายได้นั้นยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งแตกต่างจากการบริหารรายได้ระยะสั้น โดยการจัดการดังกล่าวใกล้เสร็จแล้ว" นายเฟอร์นานเดส ระบุ

นายเฟอร์นานเดส ยังกล่าวด้วยว่า สายการบินไทยแอร์เอเชียจะเปิดเส้นทางการบินใหม่จากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก กรุงเวียนนา ออสเตรีย และกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน ทันทีที่ได้รับการส่งมอบเครื่องบินใหม่ 2 ลำในเดือน เม.ย.ปีหน้า

นอกจากนี้ นายเฟอร์นานเดสจะเปิดเผยความเสียหายจากการยกเลิกเส้นทางการบิน และการเป็นคู่ค้าทางธุรกิจที่ไร้ประสิทธิภาพประจำไตรมาส 2 และ 3 เพื่อเน้นการยกระดับสู่การบริการที่ยั่งยืน โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มแอร์เอเชียได้เปิดเผยรายได้ประจำไตรมาสแรกที่เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า มาอยู่ที่ 10.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 340 ล้านบาท) ซึ่งสายการบินแอร์เอเชียในมาเลเซียและไทยทำกำไรได้ สวนทางกับสาขาในอินโดนีเซียที่ขาดทุน

รอยเตอร์ส รายงานว่า กลุ่มสายการบิน แอร์เอเชียได้ทำการปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้ง คอมปานีแล้วในปีนี้ โดยมีนายเฟอร์นานเดสเป็นหัวเรือหลัก เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารแต่ละสาขาในประเทศต่างๆ ลดความซับซ้อนทางบัญชี และตอบรับยุคดิจิทัล บิซิเนส

ทั้งนี้ แอร์เอเชียเอ็กซ์ได้สั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส 330 จำนวน 100 ลำ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1 ล้านล้านบาท) ขณะที่หุ้นของแอร์เอเชียเอ็กซ์ปรับตัวขึ้น 5.6% ระหว่างการซื้อขายเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ส่งผลให้มูลค่าบริษัทอยู่ที่ 383 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.27 หมื่นล้านบาท)