posttoday

แนะรัฐหนุนละครไทยไปนอก ต่อยอดความงาม-บริการ

13 กรกฎาคม 2561

ภาคเอกชนเสนอรัฐสนับสนุนการส่งออกละครไทยไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อหนุนการขยายตัวธุรกิจความงาม-บริการ

ภาคเอกชนเสนอรัฐสนับสนุนการส่งออกละครไทยไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อหนุนการขยายตัวธุรกิจความงาม-บริการ

************************

โดย...จะเรียม สำรวจ

หากพูดถึงเรื่องของความสวยความงามสาวไทยถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ขอสวยไว้ก่อน ด้วยเหตุนี้ภาพรวมตลาดความงามของไทยในแต่ละปีจึงมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เช่นเดียวกับปีนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันภาพรวมตลาดความงามของไทยมีมูลค่าสูงถึง 2.8 แสนล้านบาท

แม้ว่าตลาดความงามของไทยจะมีการขยายตัวในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง แต่หากจะให้ดีกว่านี้ภาครัฐควรเข้ามาให้การสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ หนึ่งในแนวทางที่ภาคเอกชนอยากจะเสนอให้ภาครัฐหันมาให้ความสนใจคือ การเข้าไปสนับสนุนการส่งออกละครไทยไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากมีวัฒนธรรม สีผิว และรสนิยมใกล้เคียงกั

เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาครัฐค่อนข้างเดินมาผิดทางกับการให้ความสำคัญกับการสนับสนุนภาพยนตร์ไทย เพราะเป็นคอนเทนต์ที่เข้าถึงยากเมื่อเทียบกับละครทีวีที่มีความแมสกว่า ประกอบกับปัจจุบันมีภาพยนตร์ไทยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ค่อนข้างน้อย

ดังนั้น นับจากนี้ไปอยากให้ภาครัฐหันมาให้ความสนใจสนับสนุนการส่งออกละครไทยไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพราะละครไทยสามารถเป็นสื่อกลางในการต่อยอดธุรกิจได้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง อาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่สื่อสารผ่านตัวละคร ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้ชัดจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ที่ทำให้ชาวต่างชาติได้รู้จักสถานที่เที่ยวของไทย และอาหารไทยในหลากหลายรูปแบบ

ที่ผ่านมาธุรกิจความงามของไทยถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก โดยเฉพาะธุรกิจบริการด้านความงาม เห็นได้จากการที่สินค้าและสถานบริการความงามหลายแห่งเริ่มมีแพทย์เข้ามาให้คำปรึกษาและบริการมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันคนไทยหันมาดูแลตัวเอง ต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยเฉพาะในช่วงระยะหลังมานี้ที่ภาครัฐหันมาคุมเข้มสินค้าบริการที่ผิดกฎหมายและไม่ได้มาตรฐานมากขึ้น

เกรียงไกร กล่าวต่อว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวแม้ว่าจะส่งผลกระทบกับภาพรวมธุรกิจความงามในประเทศไทยพอสมควร เนื่องจากผู้บริโภคหันมาระมัดระวังในการซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น ซึ่งจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจความงามต้องหันมาปรับแผนการดำเนินธุรกิจด้วยการออกมาจัดงานอีเวนต์ความงามในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็หันมาซื้อสินค้าภายในงานอีเวนต์ที่จัดมากขึ้นเช่นกัน

จากการขยายตัวของธุรกิจความในประเทศไทย ส่งผลให้ธุรกิจความงามในต่างประเทศเล็งเห็นโอกาสร่วมกันจัดงานบางกอก บิวตี้ โชว์ 2018 หรืองานแสดงสินค้านวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมด้านความงามครบวงจรระดับนานาชาติแห่งเอเชีย ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ค.นี้ ภายในงานมีผู้ประกอบการ 5 ประเทศเข้าร่วมงาน คือ เกาหลี จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และไทย โดยหลังจบงานคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท