ญี่ปุ่นสบช่องไทยเห่อของหรู รุกเปิดร้านแบรนด์เนมมือสอง

โดย...จะเรียม สำรวจ

หากพูดถึงประเทศที่คนไทยให้ความนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ญี่ปุ่นต้องเป็นประเทศที่ติดอยู่ในอันดับต้นๆ ที่คนไทยนึกถึงอย่าง แน่นอน เพราะจากข้อมูลของสำนักงานท่องเที่ยวญี่ปุ่น ระบุว่า ในปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไป ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นต้องก้าวเข้าสู่ ที่ระดับ 1 ล้านคนอย่างแน่นอน เนื่องจากปี 2560 ที่ผ่านมามีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นถึง 9.5% หรือประมาณ 9.8 แสนคนแล้ว

เหตุผลที่ทำให้คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงาม และอาหารที่ถูกปากคนไทยแล้ว ในด้านของการช็อปปิ้งคนไทยก็นิยมซื้อสินค้าในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังของญี่ปุ่นเอง สินค้าแบรนด์เนมหรู หรือสินค้าท้องถิ่น

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ร้านสินค้า แบรนด์เนมมือสองในประเทศญี่ปุ่นได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก เพราะจากข้อมูลการขายสินค้าของร้านแบรนด์เนมมือสองในประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเข้าไปซื้อสินค้ามากที่สุดอันดับ 1 คือ จีน ตามด้วยไทยเป็นอันดับที่ 2

จากความนิยมในสินค้าแบรนด์เนมมือสองของคนไทยดังกล่าว ทำให้บริษัทที่ทำธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสองในประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทย เห็นได้จากเมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัท มันนี่ คาเฟ่ ผู้ดำเนินธุรกิจโรงรับจำนำมันนี่ ปิ่นคู่ และมันนี่ รามคำแหง ได้จับมือร่วมกับแบรนด์ ออฟ โตเกียว (Brand Off Tokyo) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านแบรนด์ ออฟ โตเกียว จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสองในประเทศไทย ซึ่งได้เปิดให้บริการไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่สยามสแควร์ซอย 3 บนพื้นที่รวม 200 ตร.ม. จำนวน 4 ชั้น

จุดเด่นของร้านแบรนด์ ออฟ โตเกียว ที่นำมาเปิดให้บริการในประเทศไทยนั้น จะทำการตลาดภายใต้คอนเซ็ปต์ "Sharing Economy และ Sharing Happiness" เน้นความคุ้มค่า ราคา และสภาพของสินค้าที่เหมาะสม และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ ยังจะมี Specialist จากประเทศญี่ปุ่นมาดูแลทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้า และความเป็นมาตรฐานของสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความไว้ใจในสินค้าที่นำมาจำหน่าย

ซึโตมุ ยาซุยาม่า ประธานบริหาร แบรนด์ ออฟ โตเกียว ผู้ดำเนินธุรกิจร้านแบรนด์เนมมือสองจากประเทศ ญี่ปุ่น กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของร้านแบรนด์ ออฟ โตเกียว ในประเทศไทย บริษัทมีแผนที่จะเปิดให้ได้ 30 สาขา ภายในอีก 5-6 ปีนับจากนี้ เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ประกอบกับคนไทยมีพฤติกรรมชอบซื้อมาขายไปสินค้าแบรนด์เนม และนิยมใช้สินค้าแบรนด์เนมมือสองเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเอง บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทยผ่านบริษัท มันนี่ คาเฟ่

ปัจจุบันร้านแบรนด์ ออฟ โตเกียว มีการขยายสาขาไปนอกประเทศญี่ปุ่นแล้วหลายประเทศ ประกอบด้วย เกาหลี ไต้หวัน และไทย ซึ่งแต่ละประเทศที่ไปได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากใช้มาตรฐานในการควบคุมคุณภาพสินค้าและราคาบนพื้นฐานเดียวกัน จึงทำให้ราคาขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองในแต่ละที่มีความใกล้เคียงกัน

ด้าน ชูศักดิ์ ตั้งเลิศสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มันนี่ คาเฟ่ ผู้บริหารร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง "แบรนด์ ออฟ โตเกียว" กล่าวว่า สินค้าแบรนด์เนมที่นำมาจำหน่ายภายในร้านจะมีมากกว่า 300 รายการ แบ่งเป็นกระเป๋า 35% เครื่องประดับ 35% และของใช้ต่างๆ 30% ซึ่งหลังจากเปิดสาขาสยามสแควร์ไประยะหนึ่ง บริษัทจะทำการเปิดสาขาต่อไปที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า

หลังจากแบรนด์ ออฟ โตเกียว เปิดให้บริการไปไม่นาน เครือสหพัฒน์ก็ได้ทำการเปิดตัวธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสองตามมาติดๆ ด้วยการจับมือกับกลุ่มโคเมะเฮียว (KOMEHYO) ประเทศญี่ปุ่น นำร้านโคเมะเฮียวมาเปิดตลาดจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสองในประเทศไทย

แม้ว่าปีนี้จะยังไม่เห็นร้านโคเมะเฮียวในประเทศไทย เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการหาทำเลที่มีศักยภาพและมีความเหมาะสมนำมาเปิดร้านโคเมะเฮียว ซึ่งเบื้องต้นมองทำเลไว้ที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร แต่กลุ่มโคเมะเฮียวก็ได้มีการวางกลยุทธ์คร่าวๆ เพื่อเอาใจขาช็อปสินค้าแบรนด์เนมมือสองในประเทศไทยไว้เรียบร้อยแล้ว

วิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง กล่าวว่า ร้านโคเมะเฮียวถือเป็นร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสองที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และจากการที่มีคนไทยเข้าไปใช้บริการในร้านดังกล่าวเป็นจำนวนมาก บริษัท โคเมะเฮียว เลยเล็งเห็นโอกาสในการนำร้านโคเมะเฮียวเข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าคนไทย

สำหรับร้านโคเมะเฮียวสาขาแรกที่จะเปิดให้บริการในประเทศไทย เบื้องต้น กลุ่มโคเมะเฮียวคาดว่าจะได้ทำเลที่เหมาะสมพร้อมเปิดให้บริการในปี 2562 ซึ่งในส่วนของสินค้าที่นำมาจำหน่าย จะเน้นไปที่กระเป๋าเป็นหลัก เนื่องจากเป็นสินค้าที่คนไทยให้ความนิยม ส่วนนาฬิกาและเครื่องประดับจะเป็นสินค้าที่ให้ความสำคัญรองลงมา

จากแผนแนวทางการดำเนินธุรกิจ ดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะทำให้ตลาดรวมสินค้าแบรนด์เนมมือสองในประเทศไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านเยน/ปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่มีมูลค่าตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองมากกว่า 1.7 ล้านล้านเยน/ปี

อย่างไรก็ดี การทำธุรกิจจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสองในประเทศไทยจะประสบความสำเร็จหรือไม่ คงต้องรอดูผลการตอบรับหลังจากร้านแบรนด์ ออฟ โตเกียว และโคเมะเฮียว เปิดให้บริการไปเรียบร้อยแล้ว