posttoday

เปิด"มูฟวี่ออนดีมานด์"เอาใจลูกค้าดูหนังใหม่ไม่ทัน

15 มิถุนายน 2561

เมเจอร์หวังบริการใหม่ช่วยขยายฐานผู้ชมเพิ่ม หลังพบลูกค้าจำนวนมากดูหนังฉายในโรงไม่ทัน ประเดิมเฟสแรก 24 สาขา 50 เรื่อง

เมเจอร์หวังบริการใหม่ช่วยขยายฐานผู้ชมเพิ่ม หลังพบลูกค้าจำนวนมากดูหนังฉายในโรงไม่ทัน ประเดิมเฟสแรก 24 สาขา 50 เรื่อง

นายนรุตม์ เจียรสนอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการดูหนังของผู้บริโภค พบว่าส่วนมากไม่สามารถดูหนังที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้ทัน เนื่องจากไม่มีเวลาว่าง ประกอบกับปัจจุบันอายุของหนังที่เข้าฉายค่อนข้างสั้น คือเฉลี่ยต่อเรื่องอยู่ที่ประมาณ 3 สัปดาห์-1 เดือน บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเปิดให้บริการมูฟวี่ออนดีมานด์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการดูหนังที่ออกจากโรงไปแล้วไม่เกิน 90 วัน ให้กลับมาดูในโรงหนังได้อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับรูปแบบของบริการดังกล่าวจะทำภายใต้คอนเซ็ปต์ "หนังทางเลือกใหม่...ตามใจคุณ" ด้วยการให้ลูกค้าได้โหวตเลือกดูหนังที่ออกจากโปรแกรมไปแล้วที่ต้องการชมผ่านเว็บไซต์ www.majorcineplex.com/movieondemand/homepage ซึ่งเป็นบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้ผู้ใช้บริการสามารถกำหนดความต้องการในการดูหนังของตัวเองได้ โดยการกดโหวตหนังที่ต้องการชม สาขา และรอบฉายที่ต้องการ เมื่อโหวตครบ 100 โหวตในแต่ละเรื่อง หนังเรื่องดังกล่าวก็จะถูกนำมาบรรจุในโปรแกรมฉายในวัน เวลา และสาขาที่ลูกค้าต้องการ

ทั้งนี้ ในส่วนของเฟสแรกซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ จะมีภาพยนตร์ที่นำมาให้เลือกจำนวน 50 เรื่อง ใน 5 ประเภท คือ หนังรางวัล หนังแนะนำ หนังฮอลลีวู้ด หนังไทย และหนังเอเชีย โดยสาขาที่นำมาในเฟสแรกนี้จะมีด้วยกัน 24 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 17 สาขา และต่างจังหวัด 7 สาขา โดยราคาตั๋วหนังที่วางไว้จะเริ่มต้นที่ 150-220 บาท

"ก่อนหน้าที่เราจะเปิดให้บริการมูฟวี่ออนดีมานด์อย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ก่อนหน้านี้ 8 เดือนบริษัทได้ทำการทดลองบริการดังกล่าวมาแล้ว ด้วยการเปิดโหวตหนังที่ลูกค้าต้องการจะดูเพื่อนำมาฉาย 1 เรื่อง 1 โรงใน 1 สัปดาห์ ซึ่งลูกค้าก็ให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่เข้ามาชมคิดเป็น 50% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมดของโรงหนังที่เปิดฉาย" นายนรุตม์ กล่าว

นายนรุตม์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเฟส 2 คาดว่าจะเริ่มได้ในเดือน ต.ค.นี้ เพื่อเปิดให้บริการในส่วนของแอพพลิเคชั่น และเฟสที่ 3 สิ้นปีจะเป็นในเรื่องของการนำเทคโนโลยีเอไอและดาต้า เข้ามาช่วยในการทำตลาดและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ซึ่งหลังจากเปิดบริการดังกล่าวคาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขายตั๋วหนังอยู่ที่ 34 ล้านใบ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มียอดขายตั๋วหนังอยู่ที่ 32 ล้านใบ