posttoday

ยักษ์ค้าปลีกชิงทำเลตะวันออก เปิดศึกพรีเมียมเอาต์เลต

08 มิถุนายน 2561

การขยายตัวที่ดีของธุรกิจท่องเที่ยวไทย ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีการขยายตัวดีตามไปด้วย และหนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจค้าปลีกประเภทเอาต์เลต

โดย...จะเรียม สำรวจ

จากแนวโน้มการเติบโตของจำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 37 ล้านคน เพราะดูจากตัวเลข 4 เดือนแรกของปี 2561 ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เก็บข้อมูลไว้ระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้วกว่า 13.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ถึง 13.97%

นอกจากนี้ ในส่วนของคนไทยเองก็หันมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยออกมาคาดการณ์ว่าสิ้นปี 2561 นี้ ประเทศไทยน่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวที่ 3.1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.1 ล้านล้านบาท และรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น 4 ล้านล้านบาท ในปี 2564

การขยายตัวที่ดีของธุรกิจท่องเที่ยวไทย ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีการขยายตัวดีตามไปด้วย และหนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจค้าปลีกประเภทเอาต์เลต จะเห็นได้ว่าในช่วงระยะหลายปีที่ผ่านมามี ผู้ประกอบการไทยสนใจหันมาเปิด เอาต์เลตกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกประเภทเอาต์เลตมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว จึงทำให้สองยักษ์ใหญ่ธุรกิจศูนย์การค้าในประเทศไทยอย่างบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือซีพีเอ็น และบริษัท สยามพิวรรธน์ เล็งเห็นโอกาส ออกมาประกาศใช้งบลงทุนก้อนโตลุยธุรกิจเอาต์เลตในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งทิศตะวันออกกันอย่างคึกคัก

เหตุผลที่ทำให้สองยักษ์ใหญ่หันมาเปิดศึกชิงทำเลเปิดธุรกิจเอาต์เลตทางทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ เพราะเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก และมีทางด่วนเชื่อมต่อกับเมือง นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งถือเป็นประตูสู่การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก จึงทำให้มีผู้คนเดินทางผ่านพื้นที่ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

นอกจากจะเจาะกลุ่มเป้าหมาย นักเดินทางและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว การเปิดเอาต์เลตของสองยักษ์ค้าปลีก ยังมุ่งเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายขาช็อปคนไทยอีกด้วย เพราะจากตัวเลขของขาช็อปชาวไทยที่เดินทางไปช็อปปิ้งนอกประเทศปีละหลักแสนล้านบาท หาก สองยักษ์ค้าปลีกไทยสามารถดึงเม็ดเงินที่ไหลออกให้อยู่ในประเทศได้ส่วนหนึ่งก็คิดเป็นเม็ดเงินที่มากพอสมควรแล้ว

จุดเด่นที่ซีพีเอ็นนำมาเป็นจุดขายในการเรียกลูกค้า คือ การนำแพลตฟอร์มศูนย์การค้ารูปแบบใหม่มาเปิดให้บริการภายใต้ชื่อ "เซ็นทรัล วิลเลจ" ในรูปแบบลักซ์ชัวรี่เอาต์เลต New Shopping Platform ครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยการชูความเป็นลักซ์ชัวรี่เอาต์เลตมาเติมเต็มการช็อปปิ้งในเมืองไทยให้ครบทุกมิติ ทั้งรูปแบบศูนย์การค้าครบวงจรและแบบลักซ์ชัวรี่เอาต์เลต เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสร้างประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการ ท่องเที่ยวและช็อปปิ้งของเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ที่สมบูรณ์แบบ

ในส่วนของการจัดโครงการ "เซ็นทรัล วิลเลจ" ซีพีเอ็น ได้ใช้งบลงทุนไปกว่า 5,000 ล้านบาท พื้นที่ 4 หมื่นตารางเมตร บนที่ดิน 100 ไร่ ย่านถนนบางนา-ตราด ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

วัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า โครงการ เซ็นทรัล วิลเลจ ถือเป็นหนึ่งใน Key Strategic Move ที่จะเป็นแบรนด์ใหม่ใน Portfolio ของซีพีเอ็น เพื่อตอกย้ำการเป็นหนึ่งใน Global Player ในเอเชีย เบื้องต้นคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2562

ด้าน บริษัท สยามพิวรรธน์ ขอเสริมความแข็งแกร่งในด้านทำพรีเมียมเอาต์เลต ด้วยการผนึกพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากอเมริกาที่มีความชำนาญในด้านของการทำพรีเมียมเอาต์เลตอย่าง ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป เข้ามาร่วมพัฒนาธุรกิจ ด้วยการร่วมกันก่อตั้ง บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน เพื่อดำเนินธุรกิจพรีเมียมเอาต์เลตในประเทศไทย ซึ่งเบื้องต้นทั้ง สองบริษัทวางแผนไว้จะเปิดพรีเมียม เอาต์เลตให้ได้ 3 สาขาภายใน 5 ปีนับจากนี้ ภายใต้งบลงทุนรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท

ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวว่า ลักซ์ชัวรี่พรีเมียมเอาต์เลต สาขาแรกที่จะเปิดให้บริการจะตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 หมื่นตารางเมตร บนที่ดิน 150 ไร่ ด้านทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งหลังจากเริ่มดำเนินการก่อสร้างใน อีก 2 เดือนนับจากนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในเดือน ต.ค. 2562

แม่เหล็กสำคัญที่สยามพิวรรธน์เลือกนำมาเรียกลูกค้า คือการมีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ทั้งร้านค้าลักซ์ชัวรี่แบรนด์และแบรนด์ของดีไซเนอร์ รวมไปถึงแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล และแบรนด์ไทยต่างๆ ที่จะนำมาจำหน่ายในราคาลดพิเศษ 25-70% ซึ่งนอกจากจะสร้างอาณาจักรแห่งการช็อปปิ้งที่ ครบวงจรแล้ว สยามพิวรรธน์ยังมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่ม เพื่อสร้างเมืองที่เป็นเสมือนโอเอซิสของประเทศไทย ซึ่งจะเติมเต็มความสุข ความสนุกสนาน และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รวมทั้งค้นหาสิ่งที่ สะท้อนความสนใจและไลฟ์สไตล์ของตนเอง