posttoday

ช่อง 3 ดิ้นหารายได้เพิ่ม ผนึกเจเคเอ็นส่งออกละคร

05 มิถุนายน 2561

โดย...จะเรียม สำรวจ

โดย...จะเรียม สำรวจ

การแข่งขันของธุรกิจทีวีดิจิทัลที่ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่อง 3 ต้องออกมาปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อหารายได้เสริมมาชดเชยต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันช่อง 3 มีภาระในการดูแลธุรกิจทีวีถึง 3 ช่อง คือ ช่อง 3 เอชดี ช่อง 3 เอสดี และช่อง 3 แฟมิลี่ จากเดิมมีเพียงสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ดูแลเพียงช่องเดียว

จากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ช่อง 3 ต้องมองหาโอกาสในการหารายได้ใหม่ๆ ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนแอร์อย่างหน้าจอทีวี ช่องทางออนกราวด์อย่างการพาดาราไปทำกิจกรรมการตลาดในรูปแบบต่างๆ หรือช่องทางออนไลน์ด้วยการนำคอนเทนต์ที่มีอยู่ในมือไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์

นอกจากนี้ การนำคอนเทนต์ที่มีอยู่ในมือไปขายในตลาดต่างประเทศก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่อง 3 จะหันมาให้ความสนใจทำการตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น โดยล่าสุดได้มีการจับมือร่วมกับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย นำละครที่ออกอากาศไปแล้วตั้งแต่ปี 2556-2560 ไปจำหน่ายในต่างประเทศรวม 70 เรื่อง

ประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีอีซีเวิลด์ ผู้บริหารช่อง 3 เอชดี ช่อง 3 เอสดี และช่อง 3 แฟมิลี่ กล่าวว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นการนำความแข็งแกร่งที่ทั้งสองบริษัทมีมาพัฒนาต่อยอดให้เกิดรายได้ ซึ่งในส่วนของบริษัทถือว่ามีความแข็งแกร่งในด้านของคอนเทนต์โดยเฉพาะละคร ขณะที่บริษัท เจเคเอ็นฯ จะมีความแข็งแกร่งในด้านของการตลาดและการขาย

สำหรับละคร 70 เรื่องที่ช่อง 3 ให้สิทธิบริษัท เจเคเอ็นฯ นำไปจำหน่ายนั้น สามารถทำการตลาดได้เกือบทุกประเทศ ยกเว้นประเทศจีน ฮ่องกง มาเก๊า กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา เพราะเป็นตลาดที่ช่อง 3 มีละครออกอากาศอยู่แล้ว

ประชุม กล่าวอีกว่า การจับมือกับบริษัท เจเคเอ็นฯ เพื่อส่งออกคอนเทนต์ละครในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการขยายฐานผู้ชมต่างประเทศ ซึ่งดาราบางคนก็มีแฟนละครอยู่บ้างแล้ว นอกจากนี้ยังทำให้ละครไทยโกอินเตอร์ สร้างชื่อเสียงและสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินก้อนใหม่ที่จะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น

ด้าน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย กล่าวว่า ในปีแรกของการทำตลาดบริษัทจะเน้นการสร้างแบรนด์ละครของช่อง 3 ให้ทั่วโลกรู้จักก่อน หลังจากนั้นปีที่ 2 จะเริ่มทำการตลาดอย่างจริงจัง ซึ่งหากคอนเทนต์ได้รับความนิยมก็อาจจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5% เพื่อให้มีราคาขายใกล้เคียงกับคอนเทนต์ละครจากประเทศเกาหลีใต้และอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมีราคาสูงกว่าไทยถึง 3-5 เท่า

ในส่วนของแผนการทำตลาดในปีนี้ เจเคเอ็นฯ จะเริ่มนำละครของช่อง 3 ออกไปโรดโชว์ตามประเทศต่างๆ เริ่มจากเวียดนาม ฝรั่งเศส และสิงคโปร์ เพื่อให้ละครเป็นที่รู้จัก ซึ่งหลังจากทำการตลาดในรูปแบบดังกล่าว คาดว่าในปีแรกจะมีรายได้หลักร้อยล้านบาท

นอกจากช่อง 3 จะให้ความสำคัญกับการขายคอนเทนต์ไปในตลาดต่างประเทศแล้ว ในส่วนของตลาดในประเทศก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากปัจจุบันคู่แข่งของธุรกิจฟรีทีวีไม่ได้แข่งกันแค่ช่อง 5 7 และ 9 เหมือนที่ผ่านมา แต่มีมากถึง 22 ช่อง

ดังนั้น ช่อง 3 จึงต้องลุยปรับผังรายการย่อยทุกเดือน เพื่อให้มีความสดใหม่และตรงความสนใจของผู้ชม โดย ประชุม กล่าวว่า ถ้ารัฐเปิดโอกาสให้คืนช่องได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการแต่ละช่องต้องแบกภาระต้นทุนค่อนข้างสูง ซึ่งช่อง 3 สนใจจะคืนช่อง 3 แฟมิลี่ด้วย