'คริสเตียนี' บุกหนัก แข่งชิงงานรัฐ-เอกชน

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

การแข่งขันในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้น นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากงานของภาครัฐที่จะออกมามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะได้เริ่มเห็นความชัดเจนของโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี

สุรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) ชี้ให้เห็นว่าการแข่งขันในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้นมีสูง การควบคุมต้นทุนให้ได้ดีจะเป็นข้อได้เปรียบ เนื่องจากการจะได้งานส่วนใหญ่จะวัดกันที่ราคา รายใดที่เสนอราคาต่ำกว่าคู่แข่งย่อมได้เปรียบ จึงทำให้บริษัทต้องเน้นการบริหารงาน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมราคาวัสดุก่อสร้างให้ดี โดยเฉพาะเหล็ก ที่มีแนวโน้มที่จะผันผวนปรับตัวขึ้นลงได้ หลังจากที่งานก่อสร้างออกมามากขึ้น ซึ่งจะเห็นอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 ของปี

ขณะเดียวกันจากสัญญาณการเลือกตั้งที่ชัดเจนขึ้น ทำให้เกิดความ เชื่อมั่นในการลงทุน โดยจะเห็นได้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) อีกทั้งยังเห็นสัญญาณที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้ามาลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมากขึ้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทรับงานก่อสร้างของภาคเอกชนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงงาน รวมไปถึงธุรกิจค้าปลีก จึงทำให้บริษัทต้องเริ่มกลับมาพิจารณาแล้วว่าจะเริ่มทำลองทำธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่เป็น ผู้รับเหมาก่อสร้าง เช่น อาจจะก้าวไป สู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือ เข้าไปจอยเวนเจอร์กับผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย จากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปรับเหมาก่อสร้างโครงการทาวน์โฮมให้กับบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค แบรนด์โมดิซ วิลล่า ซึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ 200 ล้านบาท เป็นต้น

ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือหรือ แบ็กล็อก จำนวน 7,214 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2561 ราว 1,800-2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเข้า ประมูลงานโครงการในครึ่งหลังปีนี้เพิ่มเติมอีก 6,000-7,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มงานในมือให้มากขึ้น โดยจะพิจารณาโครงการของภาคเอกชนที่มีความ ชัดเจน เพื่อที่จะพยายามไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง อย่างเช่นการฟ้องร้องกับบริษัท เจ้าพระยารีซอร์ท ที่บริษัทเป็น ผู้ก่อสร้าง โรงแรม อวานี ริเวอร์ไซด์และพลาซ่า แต่ยังติดค้างชำระหนี้งานก่อสร้าง

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างรอประกาศผลการประมูลงานใหญ่จำนวน 2 โครงการ โดยเป็นทั้งงานอาคาร ผู้โดยสารและงานอาคารจอดรถใน สนามบินขอนแก่นและสนามบินกระบี่ จากกรมท่าอากาศยาน มูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทราบ ผลการประมูลได้ภายในปลายเดือน มิ.ย. 2561 ซึ่งจะเป็นการกลับมารับงานก่อสร้างภาครัฐรอบ 20 ปี

พร้อมกันบริษัทได้มีการติดตาม งานประมูลในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องหลายรายการ โดยมองว่างานโครงการต่างๆ ในเมียนมาจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ส่วนในกัมพูชาบริษัทมีการรับรู้งานโครงการแล้ว 1 โครงการ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในเดือน มิ.ย.นี้ จะได้งานที่สองอีก 100 ล้านบาท โดยมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะ ไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท