ทีวีดิจิทัลหวังพลิกฟื้น ทิ้งรายการ 5 ทุ่มลุยไพรม์ไทม์

โดย...จะเรียม สำรวจ

เริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด สำหรับภาพรวมของธุรกิจทีวีดิจิทัล เห็นได้จากข้อมูลของบริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) ที่ออกมาเปิดเผยว่า เม็ดเงินโฆษณาในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา สื่อโฆษณาทีวีดิจิทัลมีอัตราการเติบโตสูงถึง 28.10% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,078 ล้านบาท

จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวีดิจิทัลในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6,538 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5,394 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ภาพรวมสื่อโฆษณาทีวีดิจิทัลฟื้นตัว ประกอบกับช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.มีละครบุพเพสันนิวาสมาช่วยสร้างกระแสให้คนไทยหันมาดูละครทีวีมากขึ้น จึงทำให้สินค้าหันมาใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวีเพิ่มขึ้นจากเดิม

อย่างไรก็ดี แม้ว่าเม็ดเงินโฆษณาในสื่อทีวีดิจิทัลจะเริ่มกลับมามีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น แต่เม็ดเงินโฆษณาส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในช่วง ไพรม์ไทม์เวลาประมาณ 18.30-22.30 น. ส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีดิจทัลส่วนใหญ่ต้องหันมาอัดคอนเทนต์ดีมีคุณภาพในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่ เพื่อชิงสายตาของผู้ชม

วราวุธ เจนธนากุล ประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้ชมที่เปลี่ยนไปดังกล่าว ทำให้รายการที่ออกอากาศหลังเวลา 23.00 น.เริ่มอยู่ไม่ได้ เนื่องจาก เอเยนซีเลือกที่จะไม่ซื้อโฆษณาในช่วงเวลาดังกล่าวเพราะจำนวนผู้ชมน้อย จึงทำให้รายการดังหลายรายการเริ่มหลุดไปจากผังรายการ

จากปัญหาจำนวนผู้ชมหลังเวลา 23.00 น.ที่ลดลง ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลส่วนใหญ่เลือกที่จะใส่คอนเทนต์บันเทิงจากต่างประเทศ เช่น ซีรี่ส์ หรือนำรายการวาไรตี้มารีรัน เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลส่วนใหญ่ยังคงประสบกับปัญหาการขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจ

นอกจากนี้ ในส่วนของรายการ วาไรตี้หลายประเภทก็ต้องปรับตัว เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน ส่งผลให้รายการวาไรตี้ประเภททอล์กโชว์เริ่มไม่ได้รับความนิยม เพราะปัจจุบันสื่อออนไลน์สามารถทำให้ผู้บริโภครับรู้เรื่องราวชีวิตของดารา และบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ตัวเองชื่นชอบได้

ทั้งนี้ การที่ผู้บริโภคหันมาดูรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ปัจจุบันเรตติ้งของทีวีแต่ละช่องเริ่ม ปรับตัวลดลง ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวหลายฝ่ายควรหาวิธี เพื่อแก้ไขปัญหาการวัดเรตติ้ง ด้วยการขยายแพลตฟอร์มการวัดเรตติ้งครอบคลุมถึงช่องทางออนไลน์

ภวัต เรืองเดชวรชัย ผู้อำนวยการธุรกิจ-สายงานการวางแผน และกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มีเดีย อินไซต์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลหลายช่องยังไม่กล้าที่จะปรับค่าโฆษณา นอกเหนือจากช่อง 8 ที่มีการปรับราคาโฆษณาเพิ่มขึ้น เนื่องจากซีรี่ส์อินเดียที่นำมาออกอากาศได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ชมเป้าหมายเป็นอย่างดี

แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของทีวีดิจิทัลจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณาเริ่มไหลเข้า แต่หลังจากนี้ไปก็ต้องรอลุ้นอีกว่าไตรมาส 2 สถานการณ์จะเป็นอย่างไร เพราะการที่สินค้าและ เอเยนซีจะเลือกซื้อเวลาโฆษณาในแต่ละช่วงนั้นคอนเทนต์ต้องเด็ดและดีจริง