posttoday

โฆษณาทีวีดิจิทัลฟื้น ลุยปรับผัง รุกออนไลน์

19 เมษายน 2561

แนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาทีวีดิจิทัลที่ขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างออกมาปรับผังรายการใหม่กันถี่ขึ้น

แนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาทีวีดิจิทัลที่ขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างออกมาปรับผังรายการใหม่กันถี่ขึ้น

*****************************

โดย....จะเรียม สำรวจ

จากเม็ดเงินโฆษณาทีวีดิจิทัลที่ขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เริ่มจากเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ทีวีดิจิทัลมีเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้าอยู่ที่ประมาณ 1,823 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีเม็ดเงินอยู่ที่ประมาณ 1,582 ล้านบาท

ต่อมาเดือน ก.พ. มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอีกอยู่ที่ประมาณ 2,049 ล้านบาท และเดือน มี.ค.ที่ผ่านมามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,662 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาไตรมาสแรกของปี 2561 สามารถขยายตัวได้ถึง 6,538 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีเม็ดเงินเพียง 5,394 ล้านบาทเท่านั้น

แนวโน้มที่ดีดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต่างออกมาปรับผังรายการใหม่กันถี่ขึ้น จากเดิมที่จะปรับผังเฉลี่ยปีละ 1 ครั้ง เริ่มเปลี่ยนมาเป็น 6 เดือนครั้ง และล่าสุดเห็นแนวโน้มการปรับผังรายการใหม่ทุก 3 เดือน เพื่อให้รายการมีความสดใหม่ตรงกับความต้องการของผู้ชม

ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาแบบทันท่วงที เพราะหากรายการไหนเรตติ้งไม่เป็นอย่างที่คาดการณ์ ก็สามารถนำรายการใหม่เข้าไปแทนที่เพื่อเรียกผู้ชมกลับคืนมา

เดียว วรตั้งตระกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้บริหารช่องวัน 31 กล่าวว่า ภาพรวมการแข่งขันของทีวีดิจิทัลในช่วงไตรมาส 2 นี้ ยังคงมีการแข่งขันกันรุนแรงเหมือนกับที่ผ่านมา เนื่องจากจำนวนผู้เล่นเพิ่มขึ้น

ในส่วนของบริษัทเองก็มีแผนที่จะนำคอนเทนต์ใหม่ๆ มาออกอากาศเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นละครซิทคอม หรือรายการวาไรตี้ เพื่อนำมาตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลัก ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มผู้ชมในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่เป็นหลัก

นอกจากนี้ ช่องวันยังมีแผนที่จะขยายฐานผู้ชมไปในช่องทางออนไลน์มากขึ้น ผ่าน 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ เว็บไซต์ one31 ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมคอนเทนต์ของช่องวันเองและส่งต่อให้แพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตร ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแต่ละแพลตฟอร์ม

พร้อมกันนี้ ยังได้จับมือกับ ไลน์ทีวี นำละครและซิทคอมที่ออกอากาศไปแล้วมารีรันในช่องทางดังกล่าวทุกเรื่อง 2 ชั่วโมงหลังช่องวันออนแอร์ นอกจากนี้ ยังมี ยูทูบมาทำหน้าที่รีรันรายการอื่นๆ นอกเหนือจากละครและซิทคอม เช่น รายการวาไรตี้ เกมโชว์ หรือไฮไลต์ละคร ซึ่งช่องวันจะมีความร่วมมือกันกับแพลตฟอร์มนี้ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ชมมากยิ่งขึ้น ช่องวันจึงได้มีการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น ช่องวัน ให้กลุ่มผู้ชมเป้าหมายได้ดาวน์โหลด

“จากแนวทางดังกล่าว ช่องวันมั่นใจว่าสิ้นปี 2561 นี้จะสามารถเพิ่มรายได้จากช่องทางออนไลน์ได้เป็นที่น่าพอใจ จากปัจจุบันช่องวันทำรายได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 20%” เดียว กล่าว

ในส่วนของช่อง ไบรท์ทีวี ก็ออกมาปรับผังรายการใหม่เช่นกัน ด้วยการใส่รายการบันเทิงอย่างซีรี่ส์อินเดียและซีรี่ส์ฟิลิปปินส์เข้าไป เพื่อขยายฐานผู้ชมเพิ่ม

สมชาย รังษีธนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบรท์ทีวี ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ไบรท์ทีวี กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์บันเทิงมากขึ้น ด้วยการใช้งบ 100-200 ล้านบาท ในการซื้อคอนเทนต์จากต่างประเทศมาออกอากาศ เช่น ซีรี่ส์อินเดีย และซีรี่ส์ฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชมชาวไทย โดยเฉพาะซีรี่ส์อินเดีย

นอกจากนั้น ช่องไบรท์ทีวียังจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดออนไลน์ เพราะหลังจากนำคอนเทนต์รายการต่างๆ ไปออกอากาศผ่านยูทูบและเว็บไซต์ของช่องไบรท์ทีวี พบว่าได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างดี สะท้อนได้จากยอด
ซับสไครบ์ในยูทูบที่มีผู้ติดตามสูงถึง 1.2 ล้านคน และมียอดวิวต่อวันสูงถึง 2.5 ล้านครั้ง/วัน

จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ช่องไบรท์ทีวีจึงเร่งเดินหน้าหารายได้จากช่องทางดังกล่าว เพื่อให้ในแต่ละปีมีรายได้เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 100% ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0

ฝั่ง อสมท ก็เตรียมปรับผังรายการครั้งใหญ่เช่นกัน ด้วยการเพิ่มคอนเทนต์บันเทิงเข้ามาในผังรายการใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนและเตรียมความพร้อม เช่นเดียวกับการขยายฐานผู้ชมผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่ง อสมท มีแผนที่จะปรับโครงสร้างของธุรกิจออนไลน์ใหม่ทั้งหมด ด้วยการให้ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของ อสมท อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันนั่นก็คือ MCOT.NET

เขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างภายในองค์กร ทั้งการปรับทัศนคติพนักงาน ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ปรับผังรายการ และปรับปรุงการทำตลาดออนไลน์ ซึ่งทุกอย่างคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายใน 2 ปีนับจากนี้

อีกหนึ่งช่องที่จะลืมพูดถึงไม่ได้ คือ ช่อง 3 เอชดี เพราะหลังจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ได้ผลการตอบรับอย่างท้วมท้น ทำให้ช่อง 3 สามารถดันตัวเองขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจทีวีดิจิทัลได้ ก็เดินเครื่องรุกทั้งออนแอร์ควบคู่ออนไลน์ทันที โดยในช่องทางออนแอร์ ช่อง 3 ยังคงเดินหน้าปรับผังรายการใหม่เป็นระยะๆ ขณะที่ออนไลน์ก็หันมาจริงจังกับการโปรโมทเว็บไซต์ Mello.me และขยายช่องทางการรับชมรายการต่างๆ ผ่านไลน์ทีวี

ประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท บีอีซีเวิลด์ กล่าวว่า แผนธุรกิจนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายแพลตฟอร์มการรับชมรายการต่างๆ ของช่อง 3 ไปในช่องทางออนไลน์มากขึ้น

ปัจจุบันช่อง 3 มีแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้แก่ Ch3Thailand, Mello และ YouTube ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการออกอากาศ ทั้งนี้เพื่อขยายฐานผู้ชมไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมชมรายการต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่าหน้าจอทีวี

เห็นได้จากล่าสุด ช่อง 3 จับมือร่วมกับไลน์ทีวี เพื่อนำคอนเทนต์ของช่อง 3 ไปออกอากาศผ่าน LINE TV “Ch3Thailand” โดยคอนเทนต์แรกที่จะนำไปออกอากาศ คือ ละครที่กำลังออกอากาศในปัจจุบัน หลังจากนั้นจะตามด้วยคอนเทนต์รายการข่าว รายการวาไรตี้ และเพลงประกอบละคร

นอกจาก 4 ช่องข้างต้นจะหันมาจริงจังกับการปรับผังรายการควบคู่ไปกับการหารายได้เสริมจากช่องทางออนไลน์แล้ว ทีวีดิจิทัลอีก 10 กว่าช่องที่เหลือก็ให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์เช่นกัน แม้ว่ารายได้จะน้อย แต่ก็ถือเป็นรายได้เสริมที่ดี เพราะหลายช่องเม็ดเงินโฆษณาหน้าจอทีวียังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับช่องผู้นำอันดับ 1 อันดับ 2