"ปตท."ตั้งท่าแยกธุรกิจก๊าซ

ปตท.ตั้งท่าสบโอกาสปรับโครงสร้างธุรกิจก๊าซ จับตาผู้เล่นรายอื่นในตลาด ชี้ปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับความต้องการใช้

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า ในอนาคตอาจมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการแยกธุรกิจก๊าซธรรมชาติ หลังรัฐบาลเริ่มมีนโยบายเปิดเสรีก๊าซมากขึ้น หากตลาดการค้าก๊าซของประเทศไทยมีการแข่งขันที่เข้มข้น และมีผู้ประกอบการนำเข้าก๊าซมากขึ้น อาจต้องทบทวนเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่คล่องตัวเช่นเดียวกัน สอดคล้องกับการแยกกิจการน้ำมันและค้าปลีกไปเป็นบริษัทลูกในเครือ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่คล่องตัวและเป็นเสรี

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาว่าสมควรจะมีการปรับบทบาทในการแข่งขันของธุรกิจก๊าซอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับผู้เล่นในตลาดว่า หลังจากนี้จะมีผู้นำเข้าก๊าซเพิ่มขึ้นหรือไม่ ประกอบกับความต้องการใช้ในประเทศจะเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน เพราะปัจจุบันมีพลังงานทดแทนเข้ามาในระบบการผลิตไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย.ของทุกปีกลับลดลง และเกิดพีกในช่วงเวลาที่พลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้าไม่ได้

“ยอมรับว่ายังไม่เคยมีนโยบาย ยังไม่เคยมีมติบอร์ด เป็นเพียงแค่แนวคิดว่าถ้ามีการเปิดเสรีแล้วก็อาจจะมีความเป็นไปได้ต่อไป ต้องดูว่าการเปิดเสรีมีผู้เล่นแค่ไหน ถ้ายังมี ปตท.เป็นผู้เล่นใหญ่รายเดียวก็อาจไม่จำเป็น การให้คนที่เล่นอยู่แล้วแข่งขันบนพื้นฐานความเท่าเทียมน่าจะเป็นสิ่งที่ดี” นายเทวินทร์ กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ได้แจ้งกับ ปตท.ว่าจะไม่เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กรณีเพื่อให้ ปตท.ซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากแหล่งโมซัมบิก เนื่องจากไม่เห็นด้วยหากการนำเข้าแอลเอ็นจีจะใช้เป็นข้อตกลงของรัฐบาลเพื่อจัดทำเป็นสัญญาซื้อขายระยะยาว ในอนาคตควรเป็นรูปแบบของการเปิดเสรีการนำเข้าทั้งหมด เพื่อให้ราคาต่ำและสะท้อนไปยังค่าไฟฟ้าที่ลดลง

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการ ปตท. กล่าวว่า หากไม่ให้ทำสัญญาระยะยาว เพื่อซื้อแอลเอ็นจี ปตท.ก็พร้อมดำเนินการเองในการยืนยันซื้อก๊าซจากแหล่งนี้ในปริมาณเดิมที่ได้แจ้งไว้ คือ 2.6 ล้านตัน/ปี