posttoday

ขยายแพลตฟอร์มรับท่องเที่ยวจีนบุกไทย

13 เมษายน 2561

นักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก ซึ่งปัจจุบันสร้างรายได้สำคัญช่วยขับเคลื่อนและกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย

โดย...ภูวดล โกมลรัตนเสถียร

นักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก ซึ่งปัจจุบันสร้างรายได้สำคัญช่วยขับเคลื่อนและกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย รวมถึงช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในภาพรวมสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

สมาคมผู้จัดทัวร์ระหว่างประเทศ ระบุว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมา สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปต่างประเทศเกิดขึ้นกว่า 131 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 7% มียอดการใช้จ่ายระหว่างการเดินทางเพิ่มขึ้น 4.5% โดยนักท่องเที่ยวจีน เดินทางมาไทยราว 9 ล้านคน เกิดเม็ดเงินกว่า 440 ล้านบาท

ในปี 2561 ประเทศไทยติด 3 อันดับสูงสุดของจุดหมายปลายทางยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ดังนั้น กลายเป็นโอกาสสำคัญทั้งภาครัฐ และเอกชนที่ให้ความสนใจมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายในการทำตลาดเพื่อเพิ่ม ช่องทางในการเข้าถึงและสามารถรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน โดยส่วนใหญ่ได้ร่วมมือกับสถาบันการเงิน ผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ หรือแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสและสร้างรายได้ทางธุรกิจ

พิภาวิน สดประเสริฐ ผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทย บริษัท แอนท์ ไฟแนนเชียล ตัวแทนของอาลีเพย์ เปิดเผยว่า การชำระเงินผ่านมือถือได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศซึ่งจะใช้แพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือขณะเดินทางไปต่างประเทศมากกว่า 6 เท่า เมื่อเทียบนักท่องเที่ยวชาติอื่น ส่วนใหญ่ 95% จะใช้จ่ายเงินผ่านมือถือสำหรับค่าสินค้าและบริการ ค่าอาหาร และค่าเข้าชมสถานที่

สำหรับประเทศไทยได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเพื่อมาพักผ่อน ท่องเที่ยว รับประทานอาหาร ชมการแสดง โดยแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ วัดพระแก้ว รวมถึงนักท่องเที่ยวกว่า 80% ชื่นชอบร้านอาหารข้างทาง หรือ สตรีทฟู้ด ตามมาด้วย สปาหรือนวดแผนไทย ส่วนแหล่งช็อปปิ้งยอดนิยม คือ ร้านค้าปลอดภาษี และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งการชำระเงินของนักท่องเที่ยวจีนผ่านโมบายเพย์เมนต์ในไทยเติบโตปีละกว่า 2 เท่า มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 6.5 หมื่นบาท/คน/ทริป

ดังนั้น หากผู้ประกอบการไทยเปิดรับการชำระเงินด้วยแพลตฟอร์ม อาลีเพย์ หรือแพลตฟอร์มการให้บริการอื่นๆ มากขึ้นในอนาคต จะทำให้มีแนวโน้มที่นักท่องเที่ยวจีนจะเลือกซื้อสินค้าหรือบริการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความสะดวกในการจ่ายเงินผ่านมือถือ และส่วนลดเพิ่มเติมที่ได้รับจากการใช้แพลตฟอร์ม

ทั้งนี้ อาลีเพย์มีแผนขยายจุดรับชำระเงินในประเทศไทยมากกว่า 5 หมื่นจุดทั่วประเทศและมีความพยายาม ที่จะเพิ่มจุดชำระเงินให้เพิ่มมากขึ้นโดยจะเพิ่มใน 4 กลุ่มธุรกิจ โดยขยายสู่ระบบขนส่งสาธารณะ ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงการบริการขอรับคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยว (Tax Refunded)

ขณะที่ นัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โคคาโฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนรวม 10 ล้านบาท ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นธุรกิจร้านอาหาร พร้อมร่วมกับอาลีเพย์ เพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกในการชำระเงินให้ลูกค้านักท่องเที่ยวจีนให้ครอบคลุม 15 สาขาในประเทศ โดยปีที่ผ่านมามีสัดส่วนการใช้งาน 80-90% มียอดผู้ใช้บริการชำระเงินค่าอาหารผ่านช่องทางอาลีเพย์กว่า 4.5 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีสัดส่วนลูกค้าชาวจีนเพิ่มขึ้นอีก 50% เติบโตต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปีนี้

เช่นเดียวกับ ไมเคิล ซุน รองประธานกรรมการ บริษัท เสี่ยวจู แพลตฟอร์มให้บริการที่พักแบ่งเช่าสัญชาติจีน กล่าวว่า บริษัทต้องการขยายฐานธุรกิจและจำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มของเสี่ยวจูในประเทศไทย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการเดินทางด้วยตัวเอง และกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัว โดยจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ซึ่งมีแผนก่อตั้งสำนักงานใหญ่ในไทย 1-2 ปีจากนี้เพื่อขยายแพลตฟอร์มไปตลาดอาเซียนและตั้งเป้าครบ 50 ประเทศ ภายใน 3 ปีจากนี้

"เสี่ยวจูจึงร่วมมือกับบริษัท ดีเอ็นเอ ผู้ประกอบการไทย เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างจุดแข็งและความได้เปรียบคู่แข่งรายอื่น โดยจะมุ่งเจาะกลุ่มและตอบโจทย์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวผ่านการบริการ และการสร้างกิจกรรม เข้าถึงชุมชน ท้องถิ่นและวัฒนธรรม" ซุน กล่าว

ด้าน อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ดีเอ็นเอ กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนนิยมการ พักโฮมสเตย์มากขึ้น เป็นโอกาสดีที่บริษัทจะได้ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรองทั่วประเทศตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพโฮมสเตย์ในพื้นที่เมืองรองและชุมชน ท้องถิ่น ตอบสนองเทรนด์การท่องเที่ยวในการสร้างประสบการณ์สู่ท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยให้เกิดรายได้กระจายสู่ชุมชนกว่า 40-50%

นอกจากนี้ บริษัทได้เร่งพัฒนาแพลตฟอร์มและรวบรวมบ้านพัก โฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐาน โดยช่วงเริ่มต้นจะเปิดให้บริการในไตรมาส 3 นี้ มีผู้ให้บริการประมาณ 5,000 ห้องพัก คาดมีนักท่องเที่ยวใช้บริการกว่า 1-2 หมื่นราย ส่วนปีถัดไปจะมีผู้ให้บริการ 2 หมื่นห้องพัก รองรับนักท่องเที่ยวจีน