เครื่องดื่มแข่งชิงตลาด "เอสเอ็มอี"มาแรง เน้นรับจ้างผลิตขายร้านสะดวกซื้อ

เทรนด์ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่มขนาดกลาง-เล็กโต สากล บอตตลิ่งยอดโออีเอ็มพุ่ง ทุนนอกนิยมจ้างผลิตบุกร้านสะดวกซื้อ

น.ส.ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ ผู้ผลิตและจำหน่ายฟังก์ชันนัลดริงก์แบรนด์ เซ็ปเป้ และ บิวติ ดริ้งค์ เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดอาหารและเครื่องดื่มในไทยมีแนวโน้มว่าธุรกิจขนาดเล็กและกลางจะเติบโตเพิ่มขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดอาหารและเครื่องดื่มในสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่ปี 2554-2558 พบว่าผู้ดำเนินธุรกิจขนาดเล็กมียอดขายเติบโต 5.6% และมีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มขึ้น 1.1%

ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กยอดขายโต 4.4% มีส่วนแบ่งเพิ่ม 1% และธุรกิจขนาดกลางมียอดขายโต 3.2% มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 0.6% ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่ยอดขายโต 1.3% และส่วนแบ่งติดลบ 2.7% ส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว และการพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นจึงพบว่าในตลาดไทยมีเครื่องดื่มเกิดใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะในช่องทางร้านสะดวกซื้อ

นายชาคริต อัศววศิน ที่ปรึกษาการตลาดอาวุโส บริษัท สากล เบเวอเร็ดจ์ ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมอาร์ซี โคล่า กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทสากลบอตตลิ่ง หรือผู้รับจ้างผลิตเครื่องดื่ม (โออีเอ็ม) อัดก๊าซในไทยแห่งเดียวที่สามารถทำได้ นอกเหนือจากบริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำอัดลมรายใหญ่ ล่าสุดบริษัทได้ผลิตเครื่องดื่มฟรุ๊ตซีให้กับผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มรายหนึ่ง เป็นเครื่องดื่มสปาร์กกลิ้งที่มีส่วนผสมของผลไม้ และมีปริมาณแคลอรีต่ำวางจำหน่ายในช่องทางร้านสะดวกซื้อ

นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการจากญี่ปุ่นจ้างให้บริษัทเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มอัดก๊าซด้วย รวมทั้งอังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย โดยบริษัทถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเครื่องดื่มอัดก๊าซ ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้มีผู้สนใจดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มจำนวนมาก เพราะช่องทางธุรกิจร้านสะดวกซื้อแข่งขันสูง และต้องการสินค้าใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับร้านสะดวกซื้อแต่ละแบรนด์ นอกจากนี้เทรนด์เครื่องดื่มมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคนิยมเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

ด้าน นายอิษณาติ วุฒิธนากุล ผู้อำนวยการด้านพัฒนาธุรกิจ บริษัท กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล กล่าวว่า ร้านสะดวกซื้อยังคงขยายตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2556 สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มขึ้นในอัตราปีละ 0.5% ซึ่งหากรักษาอัตราการขยายตัวได้ คาดว่าปี 2562 ร้านสะดวกซื้อกลายเป็นช่องทางอันดับหนึ่งแทนที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ส่งผลให้การแข่งขันการนำสินค้ามาวางร้านสะดวกซื้อต้องวางกลยุทธ์ ขนาดบรรจุ ราคา ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค