posttoday

"เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล"ชนะคดี ศาลชี้มีสิทธิคืนคลื่นความถี่ทีวีดิจิทัลโดยไม่ถูกริบเงิน

13 มีนาคม 2561

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ กสทช. คืนค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ให้แก่บริษัท ไทยทีวี ในงวดหลังจากบริษัทฯ บอกเลิกสัญญาทีวีดิจิทัล

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ กสทช. คืนค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ให้แก่บริษัท ไทยทีวี  ในงวดหลังจากบริษัทฯ บอกเลิกสัญญาทีวีดิจิทัล

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีระหว่าง บริษัท ไทยทีวี จำกัด ซึ่งมีนางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทไทยทีวี จำกัด หรือ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ผู้ฟ้องคดี กับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ถูกฟ้องที่ 1 และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องที่ 2

คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า คณะกรรมการกสทช. มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลทางช่องรายการไทยทีวี และช่องรายการ MVTV Family หรือช่องรายการ LOCA เดิมของ ผู้ฟ้องคดี และแจ้งให้ธนาคารชำระหนี้ตามหนังสือค้ำประกันค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแทน ผู้ฟ้องคดี เป็นเงิน 1,748,808,000 บาท ผู้ฟ้องคดีจึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และให้ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคาร พร้อมทั้งชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การดำเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีที่1 ในการเปลี่ยนผ่านระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์เป็นระบบดิจิทัลเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่เป็นไปตามแผนงาน รวมทั้งการประชาสัมพันธ์การเปลี่ยนผ่านระบบโทรทัศน์ทำได้ไม่ทั่วถึง ประชาชนจึงไม่เข้าใจวิธีการเปลี่ยนผ่านระบบโทรทัศน์รวมทั้งการใช้คูปอง ทำให้การแลกซื้อเครื่องรับสัญญาณเป็นไปอย่างล่าช้า และประชาชนไม่สนใจโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลมากเท่าที่ควร

เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิบอกเลิกการให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลทั้งสองช่องรายการดังกล่าว และผู้ฟ้องคดีต้องคืนคลื่นความถี่ที่เคยได้รับอนุญาตให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง โดยไม่มีสิทธิเผยแพร่ออกอากาศรายการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในงวดที่ 2 ทั้งสองช่องรายการ เป็นเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในงวดที่ครบกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่ผู้ฟ้องคดีได้รับใบอนุญาต อันเป็นระยะเวลาที่ผู้ฟ้องคดียังประกอบกิจการให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลทั้งสองช่องรายการอยู่ก่อนการขอเลิกการประกอบกิจการโทรทัศน์เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลทั้งสองช่องรายการ ผู้ฟ้องคดีจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าใช้คลื่นความถี่ดังกล่าวทั้งสองช่องรายการให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง

ส่วนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในงวดที่เหลือ เมื่อผู้ฟ้องคดีได้บอกเลิกการประกอบกิจการโทรทัศน์เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลทั้งสองช่องรายการโดยชอบแล้ว ผู้ฟ้องคดีย่อมไม่มีหน้าที่ที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในงวดหลังจากผู้ฟ้องคดีบอกเลิกสัญญา และผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองต้องคืนหนังสือ ค้ำประกันของธนาคารในส่วนที่เกินกว่าจำนวนที่ผู้ฟ้องคดีต้องชำระในงวดที่หนึ่งและงวดที่สองคืนให้แก่ ผู้ฟ้องคดี ส่วนความเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีได้รับ ล้วนเกิดจากการดำเนินธุรกิจปกติทั่วไปของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายดังกล่าวกับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองได้

ศาลปกครองกลางจึงพิพากษาพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารที่ ผู้ฟ้องคดีวางเพื่อค้ำประกันการชำระเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตของงวดที่ 3 และงวดที่เหลือ คืนให้แก่ผู้ฟ้องคดี หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้จำนวนเงินตามหนังสือค้ำประกันที่ไม่สามารถคืนได้นั้นให้แก่ผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด คืนค่าธรรมเนียมศาลบางส่วนตามส่วนของการชนะคดีให้แก่ ผู้ฟ้องคดี ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

ด้าน นางพันธุ์ทิพา ให้สัมภาษณ์หลังศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า พอใจที่ศาลชี้ว่า กสทช.ทำผิดจริง ทำให้คนทั้งประเทศรู้ว่า กสทช. ทำผิดจริง ซึ่งศาลให้ กสทช.คืนแบงก์การันตีให้บริษัท ไทยทีวี ในงวดที่ 3, 4, 5 และ 6 มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท แต่ศาลไม่ได้ให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 700 ล้านบาทตามที่ขอไป จึงจะยื่นอุทธรณ์เพิ่มเติมในส่วนนี้ โดยมั่นใจว่า มีเอกสารที่ชี้ให้เห็นว่า กสทช.ทำผิดสัญญาจนทำให้เกิดความเสียหาย

"เชื่อว่าเราไม่ใช่คนที่ไม่เก่ง ไม่ใช่คนที่อ่อนแอ หรือไม่มีสายป่าน ขาดทุนแล้วจึงเลิก แต่เชื่อว่า ตัวเองเป็นคนเก่ง มีความสามารถ เพียงแต่สิ่งที่ กสทช.ทำไม่ได้เอื้อ และเป็นอุปสรรคจนทำให้เกิดความเสียหาย ประวัติการทำธุรกิจเกือบ 40 ปีไม่เคยขาดทุนแม้แต่บาทเดียว ทำไมเราจึงจะมาโง่วันนี้ กลายเป็นคนมองธุรกิจไม่เป็น อ่อนแอ เป็นเรื่องที่กระทบภาพลักษณ์มาก การสู้วันนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อประชาชน

"ตอนนี้ช่องอื่นๆ ก็ลำบากหมด บางคนครอบครัวแตกแยก ถึงขนาดเกือบฆ่าตัวตาย ที่ล้วนเกิดจากการกระทำของ กสทช.ทั้งสิ้นถือว่า เป็นบาปอย่างยิ่ง และแม้ว่า  กสทช. ชุดที่อนุมัติเรื่องทีวีดิจิทัลจะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่ใครทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมนั้น"นางพันธุ์ทิพา กล่าว