posttoday

"กลุ่มเจริญ" เพิ่มงบลงทุนซื้อที่ดินปีนี้เป็น 1.6 หมื่นล้าน

06 กุมภาพันธ์ 2561

ยูนิเวนเจอร์ เพิ่มงบซื้อที่ดินจาก 1.4 หมื่นล้าน เป็นปีนี้ 1.6 หมื่นล้าน เพื่อสต๊อกที่ดินไว้ใช้ทำรายได้เพิ่มปีละ 30% อีก 3 ปี

ยูนิเวนเจอร์ เพิ่มงบซื้อที่ดินจาก 1.4 หมื่นล้าน เป็นปีนี้ 1.6 หมื่นล้าน เพื่อสต๊อกที่ดินไว้ใช้ทำรายได้เพิ่มปีละ 30% อีก 3 ปี

นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ หรือยูวี บริษัทในกลุ่มเจริญ สิริวัฒนภักดี เปิดเผยว่า บริษัทได้เพิ่มงบลงทุนในการซื้อที่ดินปีนี้อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท จากปี 2560 ซื้อที่ดินไป 1.47 หมื่นล้านบาท เพื่อสำรองไว้พัฒนาโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง รองรับโครงการที่อยู่อาศัยในปี 2561 และ 2562 โดยเงินที่ใช้ซื้อที่ดินส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดของบริษัท และในปีนี้บริษัทจะมีเงินที่ใช้สำหรับการซื้อที่ดินส่วนหนึ่งจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งวางแผนจะออกหุ้นกู้ปีนี้ 1,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3

“งบซื้อที่ดินจาก 1.47 หมื่นล้านบาท เป็นปีนี้ 1.6 หมื่นล้านบาท งบจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นซื้อที่ดินให้กับบริษัทในเครือ 2 บริษัท คือ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ 1.3 หมื่นล้านบาท อีก 3,000 ล้านบาท เป็นแกรนด์ยูนิตี้ เพื่อให้รายได้ที่จะโตต่อเนื่องปี 2561-2563 ปีละ 20-30% ได้ตามเป้า” นายวรวรรต กล่าว

ด้านรายได้ปี 2561 (รอบปีบัญชี1 ต.ค. 2560-30 ก.ย. 2561) ตั้งเป้า 2.38 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.37 หมื่นล้านบาท โดยรายได้หลักของบริษัทยังมาจากรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเป็นหลักสัดส่วน 85%

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน หรือแบ็กล็อกที่จะโอนในปีนี้ 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3,900 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 838 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดโอนจากโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายรวม 1.98 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้ 3.66 หมื่นล้านบาท

สำหรับภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 บริษัทมองว่ายังมีทิศทางเติบโตสดใส หลังเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนจากภาคส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก และการที่ภาครัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้กระจายและขยายไปในพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น ส่งผลให้มีการพัฒนาโครงการต่างๆ ในทำเลใหม่ ซึ่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้าไปลงทุน และมีการเปิดโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ซื้อเกิดความสนใจตามมา ซึ่งยังมองว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องทั้งจากลูกค้าไทยและต่างชาติ