ปตท.เปิดทางเอกชนแข่งขันในธุรกิจพลังงาน

ปตท.ลั่นพร้อมปรับบทบาทรับการเปลี่ยนแปลง ชี้ไม่ปิดกั้นเอกชนเข้ามาลงทุนในธุรกิจพลังงานเพื่อแข่งขันอย่างเสรีมากขึ้น

นายเทวินทร์  วงศ์วานิช  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวลดบทบาทรัฐวิสาหกิจพลังงาน ว่า ปตท.มีบทบาทดูแลความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและมีราคาที่เหมาะสม ซึ่งบทบาทของ ปตท.ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจอยู่แล้ว หากรัฐบาลต้องการความมั่นคงนั้น รัฐวิสาหกิจจะเข้าไปลงทุนแทนรัฐ แต่ถ้าธุรกิจใดที่มีการแข่งขันมีความมั่นคงก็ควรจะปล่อยให้มีการแข่งขันอย่างอิสระและเป็นธรรม

ทั้งนี้ การพัฒนาด้านพลังงานควรควบคู่กับความมั่นคง ฝ่ายกำกับรัฐวิสาหกิจก็ควรเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันอย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ เช่น การแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มีโอกาสการแข่งขันมากขึ้น มีทิศทางให้เอกชนเข้ามาแข่งขันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ปตท.ได้ลงทุนท่อก๊าซและคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งจะเปิดให้เอกชนอื่นๆ เข้ามาใช้ โดย ปตท.จะแยกกิจการโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ออกจากกิจการขายก๊าซ และให้เอกชนรายอื่นเข้ามาใช้ได้  ซึ่งขณะนี้ได้ทำการแยกบัญชีและการกำกับดูแลไปจนถึงผลกำไรและขาดทุนของท่อก๊าซ และคลังแอลเอ็นจีแล้ว และจะแยกเป็นบริษัทอิสระในอนาคต โดยการแยกระบบท่อก๊าซอาจจะมีความยากในประเด็นของทรัพย์สินและภาษี

“ปตท.เป็นผู้เล่นสำคัญที่ทำให้การแข่งขันเกิดความสมดุล ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายห้าม ปตท.เข้าตลาดแข่งขัน การมีรัฐวิสาหกิจที่แข็งแรงจะสร้างความมั่นคงให้กับพลังงานของประเทศ นอกจากนี้ ปตท.ยังได้เข้าไปร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพราะการผลิตไฟฟ้าและการใช้เชื้อเพลิงมีความเชื่อมโยงกัน ความร่วมมือระหว่างทั้งสองหน่วยงานมีความเป็นไปได้ รวมทั้ง ปตท.ก็จะไปร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ทั้งไทยและต่างชาติ แต่จะเน้นความร่วมมือกับบริษัทคนไทยก่อน” นายเทวินทร์ กล่าว

นายเทวินทร์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2560 ประสบความสำเร็จหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และจะมีผลต่อเนื่องมายังปี 2561 โดยเฉพาะการลงนามเอ็มโอยูกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในโครงการอีอีซีไอวัลเลย์ เอ็มโอยูกับกองทัพเรือเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของสนามบินอู่ตะเภา