posttoday

อินเด็กซ์ส่องสื่อเมียนมา รุกยึดออนไลน์มาแรง

19 ธันวาคม 2560

การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นของสื่อออนไลน์ในประเทศเมียนมา ส่งผลให้กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปขยายธุรกิจออนไลน์ในประเทศเมียนมา

โดย...จะเรียม สำรวจ

จากอัตราส่วน 93% ของประชากรในประเทศเมียนมา 54.6 ล้านคน ที่สามารถเข้าถึงมือถือที่เป็นสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมาถึง 38% โดยในอัตราส่วนดังกล่าวจำนวน 14 ล้านคน มีการใช้งานอินเทอร์เน็ต และสื่ออินเทอร์เน็ตที่ประชากรเมียนมา ให้ความสนใจมากที่สุดคือ เฟซบุ๊ก เนื่องจากประชากรทั้ง 14 ล้านคน ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตมีการใช้งานสื่อ เฟซบุ๊กทุกคน

ความนิยมในสื่อโซเชียลที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ท็อป 5 ของสื่อ เมียนมาที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดคือ สื่อเฟซบุ๊ก ด้วยการมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 90% ตามด้วยสื่ออินเทอร์เน็ตเติบโตที่ 40% สื่อหนังสือพิมพ์และนิตยสารเติบโตที่ 20% และสื่อทีวีเติบโตที่ 1% ส่วนสื่อวิทยุมีอัตราการเติบโตลดลงที่ 2%

การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นของสื่อออนไลน์ในประเทศเมียนมา ส่งผลให้กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปขยายธุรกิจออนไลน์ในประเทศเมียนมา ด้วยการมอบหมายให้บริษัท แฮปปิโอ้ ผู้ดำเนินธุรกิจสร้างแอพพลิเคชั่น ผู้นำการสร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อสังคมออนไลน์ เข้าไปขยายธุรกิจออนไลน์ในประเทศเมียนมาอย่างเต็มรูปแบบ

เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้เข้าไปเริ่มทำธุรกิจในประเทศเมียนมาตั้งแต่ปี 2554 ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาประเทศของเมียนมาหรือพฤติกรรมของ ผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีความแตกต่างไปจากเดิม คือมีการใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น

จะเห็นได้ว่าปัจจุบันในประเทศเมียนมาเริ่มมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีร้านกาแฟ และสถานที่แฮงเอาต์ มากขึ้น ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้พฤติกรรมการใช้สื่อของประชากรเมียนมาเปลี่ยนไป และจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ฯ เล็งเห็นโอกาส ด้วยการเข้าไปขยายธุรกิจในด้านของการสร้างสรรค์กลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศเมียนมา เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคชาว เมียนมาที่อยู่ในประเทศไทย กลุ่มประชากรเมียนมาที่อยู่ในประเทศเมียนมา และกลุ่มนักลงทุนไทยที่ต้องการเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศเมียนมา

สำหรับบริการที่จะนำเข้าไปให้บริการผ่านบริษัท แฮปปิโอ้ นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 บริการหลัก คือ การออกแบบระบบซอฟต์แวร์ การพัฒนาเว็บไซต์แอพพลิเคชั่น และการทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้งครบวงจร

คณิต อร่ามกิจโพธา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แฮปปิโอ้ กล่าวเสริมว่า หลังจากเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศเมียนมาอย่างจริงจัง คาดว่าสิ้นปี 2561 จะมีรายได้อยู่ที่ 8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ประมาณ 200-300%

ขณะที่ภาพรวมรายได้ของกลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ฯ ในประเทศเมียนมาปี 2561 คาดว่าจะอยู่ที่ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่คาดว่าจะปิดรายได้ที่ 80 ล้านบาท