posttoday

เนาวรัตน์สู้ศึกรับเหมา เสริมอสังหา-ขายอาหาร

16 ธันวาคม 2560

บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เนาวรัตน์พัฒนาการ ขยายจากรับเหมาไปทำอสังหาฯ และวัสดุก่อสร้าง ล่าสุดรุกธุรกิจอาหาร

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยนั้น ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ภาพรวมในการแข่งขันก็ทวีความรุนแรงขึ้นเช่นกัน จะเห็นได้ว่าบรรดาผู้รับเหมาก่อสร้างทุกรายต้องแข่งขันในด้านราคาเพื่อให้สามารถรับงานก่อสร้างได้ ขณะที่งานก่อสร้างใหม่โดยเฉพาะงานภาครัฐนั้นปีนี้จะพบว่างานออกมาค่อนข้างน้อยตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณค่อนข้างช้า

ปสันน์ สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ กล่าวว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยและในอาเซียนยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยมูลค่างานก่อสร้างในปีนี้ทั้งจากงานของภาครัฐและเอกชนจะไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารับงานก่อสร้างในปี 2561 ไว้ไม่ต่ำกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะจากปริมาณงานขนาดใหญ่ของภาครัฐและภาคเอกชนที่ออกมามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ท่าเรือ และสนามบิน รวมไปถึงการขยายโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น

ปัจจุบันบริษัทได้ยื่นประมูลงานก่อสร้างใหม่หลายโครงการมูลค่ากว่า 3.22 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2561 คาดว่าจะมีงานเข้ามาได้จริงไม่ต่ำกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท จากในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารับงานใหม่ไว้ 1 หมื่นล้านบาท แต่สามารถรับงานก่อสร้างได้จริงประมาณ 5,300 ล้านบาท เนื่องจากประสบปัญหาการขาดทุนจากงานภาครัฐของกรุงเทพมหานครเรื่องหัวเจาะในการขุดเสียหาย เป็นต้น

ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยบวกจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน มีการเดินหน้าในโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น ภาคการส่งออกเริ่มฟื้นตัวกระจายตัวมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนมีการเติบโตจากตัวเลขจีดีพีทางเศรษฐกิจที่เห็นได้ชัดเจนว่าอยู่ที่ 6-8% ถือว่าสูงกว่าประเทศไทย จึงต้องหาพันธมิตรจากต่างชาติหรือจากผู้รับเหมารายใหญ่ในประเทศเพื่อออกไปรับงานก่อสร้างสาธารณูปโภคในประเทศเหล่านี้

สำหรับการรับงานก่อสร้างในปี 2561 จะเน้นงานที่มีกำไรหรือมาร์จิ้นค่อนข้างสูงโดยเฉพาะกำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 8% ขึ้นไป จากปีนี้อยู่ที่ 6-8% พร้อมกันนี้จะให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ผลประกอบการดีขึ้น โดยเฉพาะกำไรสุทธิต้องอยู่ระหว่าง 1-3% จากปีนี้กำไรสุทธิอยู่ที่ 0.9% กว่า ถือว่ายังค่อนข้างต่ำ

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเพื่อขายจะสามารถเติบโตได้ 10% จากปีนี้ที่จะมีรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการพร้อมขาย 1,500 ล้านบาท ซึ่งเตรียมเปิดโครงการใหม่ คือ เอสเพน คอนโด ลาซาล เฟส 4 มูลค่าโครงการกว่า 400 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รุกธุรกิจใหม่ 2 ธุรกิจ คือ ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปในชื่อ แอ็ดวานซ์ พรีแฟบ ปัจจุบันสร้างรายได้ราว 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้รุกธุรกิจอาหารโดยเตรียมเปิดร้านอาหารใบบัว บนถนนสีลม ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท/สาขา รวมไปถึงจำหน่ายซุปและซอสสำเร็จรูปทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศได้จำหน่ายภายในวิลล่า มาร์เก็ต เป็นต้น ซึ่งธุรกิจอาหารนั้นมีแนวโน้มที่ดี แต่ปัจจุบันอยู่ในช่วงเริ่มต้น

ปสันน์ กล่าวว่า ในปีนี้รายได้ของบริษัทใกล้เคียงกับปี 2559 จากปีก่อนที่มีรายได้กว่า 8,000 ล้านบาท โดยในปี 2561 ได้วางแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจไว้ อาทิ เน้นงานทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องหาพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจทั้งผู้รับเหมาไทยและต่างประเทศเพื่อร่วมกันรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่ และขยายการรับงานไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน โดยเฉพาะทางด้านไอที รวมไปถึงการทำธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน

เหล่านี้ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของผู้รับเหมารายขนาดกลาง ที่มองเห็นช่องทางการเติบโตทางธุรกิจที่ ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะรับเหมาก่อสร้างอย่างเดียวอีกต่อไป