posttoday

โรบินสันชู 3 ฟอร์แมตลุย ปรับรับไลฟ์สไตล์ลูกค้า

21 พฤศจิกายน 2560

แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ โรบินสันจะหันมาให้ความสำคัญกับการขยายตัวศูนย์การค้า ไลฟ์สไตล์มากขึ้น

โดย...จะเรียม สำรวจ

แม้ว่าภาพรวมธุรกิจดีพาร์ตเมนต์สโตร์ในปีนี้จะอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจ และคู่แข่งที่เกิดขึ้นในช่องทางออนไลน์ แต่สำหรับห้างสรรพสินค้าโรบินสันก็ยังมีความมั่นใจว่า ธุรกิจดีพาร์ตเมนต์สโตร์ในประเทศไทยยังมีโอกาสให้ขยายตัวได้อีกมาก เมื่อเทียบกับในหลายๆ ประเทศที่ทยอยปิดตัวไป หลังได้รับผลกระทบจากธุรกิจออนไลน์เข้ามาตีตลาด เพียงแต่การที่จะอยู่รอดได้นั้นต้องมีการปรับตัว ด้วยการเพิ่มความหลากหลายและนำบริการใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า นำมาให้บริการเพิ่มเติม

วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน กล่าวว่า บริษัทยังมองว่าธุรกิจ ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ในประเทศไทยยังสามารถเติบโตต่อไปได้ โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด เพราะเป็นธุรกิจ ที่ค่อนข้างมีความผูกพันกับผู้บริโภค เพียงแต่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวตามให้ทัน ซึ่งในส่วนของบริษัทเองนอกจากจะมีธุรกิจดีพาร์ตเมนต์สโตร์แล้ว ยังมีธุรกิจศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ และแบรนด์สินค้านำเข้าต่างๆ ที่นำเข้ามาบริหารช่วยให้ธุรกิจมีรายได้ เพิ่มขึ้น

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ โรบินสันจะหันมาให้ความสำคัญกับการขยายตัวศูนย์การค้า ไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพราะธุรกิจดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการ พื้นที่เช่า เลือกสินค้าและบริการต่างๆ ให้เข้ามาอยู่ภายในศูนย์การค้าได้ง่ายกว่าการดำเนินธุรกิจดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ซึ่งต้องไปเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าอีกต่อหนึ่ง ขณะเดียวกันยังถือเป็นการ อุดช่องว่างของธุรกิจในบรรยากาศที่ถูกธุรกิจออนไลน์เข้ามาชิงตัวลูกค้า

ในส่วนรูปแบบหรือฟอร์แมต ตัวศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ของโรบินสันที่จะเปิดให้บริการนับจากนี้จะมีด้วยกัน 3 รูปแบบหลัก คือ 1. รูปแบบไซส์เอส หรือคอมแพกต์ จะมีพื้นที่ประมาณ 2.8-3 หมื่น ตร.ม. เน้นขยายในจังหวัดที่มีศักยภาพเปิดได้มากกว่า 1 สาขา 2.รูปแบบไซส์เอ็ม หรือ มิกซ์ไซต์ พื้นที่ประมาณ 3-3.5 หมื่น ตร.ม. และ 3.รูปแบบไซส์แอล หรือขนาดใหญ่ จะมีพื้นที่ประมาณ 3.7 ตร.ม.

วุฒิเกียรติ กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินธุรกิจในอีก 3 ปีนับจากนี้ บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวัง ด้วยการเปิดสาขาใหม่ปีละ 2-3 สาขา เฉลี่ยลงทุนต่อปีประมาณ 3,000 ล้านบาท เพราะยังไม่มั่นใจในภาพรวมเศรษฐกิจ แต่หากเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อใดก็จะกลับมาเปิดสาขาใหม่ปีละ 4-5 สาขาทันที หลังจากชะลอไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังจะให้ความสำคัญ กับการปรับปรุงสาขาเก่าควบคู่ไปกับการขยายแบรนด์สินค้าในเครือ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 กลุ่ม เพื่อให้แต่ละปีมีรายได้และกำไรเติบโตตามเป้าหมาย