ช่อง3ยังอ่วมจัดทัพยกแผงเร่งปั๊มรายได้

ช่อง 3 แก้เกมธุรกิจทีวียังอ่วม เร่งสร้างรายได้ ปรับขายโฆษณาแพ็กเกจ สร้างคอนเทนต์ดี บุกขายซีแอลเอ็มวี

นายประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทบีอีซี เวิลด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดทีวีในปีนี้มีการเติบโตไม่มาก รายได้จากโฆษณาลดลง และปีหน้าการแข่งขันทีวีดิจิทัลยังคงเป็นเรด โอเชียน แต่บริษัทก็มองว่ามีโอกาสทำตลาดในบลูโอเชียน มีแนวโน้มว่าเม็ดเงินโฆษณาจะโตขึ้น เพราะการแข่งขันตลาดที่สูง มีช่องทีวีดิจิทัลหลายช่อง ส่งผลให้มีการเติบโตในเม็ดเงินโฆษณามากขึ้น และเชื่อว่าทีวียังเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมมากสุด

อย่างไรก็ดี นโยบายบริษัทเพื่อปรับตัวรองรับสื่อดิจิทัลที่มีหลายแพลตฟอร์ม พฤติกรรมผู้ชมเปลี่ยนมาสู่มัลติสกรีนหรือการนำชมได้หลายหน้าจอ เดินหน้า 2 แนวทาง เพื่อสร้างรายได้ 3 ส่วน คือ คอนเทนต์ พันธมิตรและโฆษณาถือว่าเป็นรายได้หลัก แนวทางที่ 1 เพิ่มเรตติ้ง มุ่งมั่นนำเสนอและพัฒนาคอนเทนต์ใหม่ๆ ทั้งข่าวสารและความบันเทิง โดยพัฒนาจากความต้องการของผู้ชมเป็นหลักภายใต้การมีทีมวิจัย

ขณะที่ด้าน 2 การสร้างรายได้เพิ่ม สถานีต้องเพิ่มช่องทางการรับชม พัฒนานิวมีเดียใหม่ ไม่ว่าจะเป็น โซเชียลมีเดีย แอพพลิเคชั่น Channel 3 Live และ Mello เพื่อทำให้ทุกคนชมได้ทุกที่ทุกเวลาและเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ในส่วนโฆษณาจะขายในรูปแบบแพ็กเกจหลายแพลตฟอร์ม และร่วมกับเจ้าของสินค้าเพื่อพัฒนาให้เป็นมากกว่าการขายโฆษณา เพื่อทำให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้า เบื้องต้นเตรียมนำยอดผู้เข้าชมทางแอพ Channel 3 Live 2.5 ล้านคน/เดือน เพื่อเสนอเอเยนซี

นอกจากนี้ ยังสร้างพันธมิตรทางการค้าต่างประเทศ นำคอนเทนต์ละครและวาไรตี้ต่างๆ ขยายตลาด กลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และสนใจบุกตลาดจีน และพร้อมใช้โมเดลเดียวกับไทย ซึ่งมีทั้งการจัดคอนเสิร์ตสัญจร เป็นต้น เพื่อสร้างรายได้และการเติบโตที่ยั่งยืน หลังจากรายได้รวมกลุ่มไตรมาส 3 ราว 2,751.8 ล้านบาท ลดลง 15% จากไตรมาส 2 ที่ 3,239.2 ล้านบาท และการปรับตัวของช่อง 3 ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ว่ารายได้จะกลับมาเติบโตเมื่อไร

นายประชุม กล่าวว่า รายได้จะเติบโตขึ้นอยู่กับเม็ดเงินโฆษณาจากค่ายใหญ่ อาทิ ยูนิลีเวอร์ พีแอนด์จี ซึ่งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องรอให้คนไทยมีกำลังซื้อ อย่างไรก็ดีช่อง 3 ไม่หยุดยั้งในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ เพื่อสู้กับทีวีดิจิทัล ยังคงลงทุนเพื่อเติมการผลิตคอนเทนต์ใหม่ที่ดีและมีจุดขาย เพื่อบรรจุในผังรายการพร้อมๆ กัน นอกจากนี้บริษัทยังได้เสริมทัพผู้บริหาร 7 คน ในสายงานต่างๆ ผนวกกับกลุ่มดารา 200 คน และผู้จัดละครและวาไรตี้มากความสามารถในการพัฒนาคอนเทนต์