posttoday

ธุรกิจความงามบูม รายใหม่แห่ซิวแสนล้าน

17 ตุลาคม 2560

ธุรกิจความงามถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ยังเติบโตได้ดีแม้เศรษฐกิจชะลอตัว

โดย...จะเรียม สำรวจ

ธุรกิจความงามถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ยังเติบโตได้ดีแม้เศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากคนไทยต้องการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ และประเทศเพื่อนบ้านต้องการสินค้าความงามจากไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ปี 2560 คาดจะเติบโตมากถึง 20% จากมูลค่าเกือบ 1 แสนล้านบาท ในปี 2559 และปี 2563 คาดว่าธุรกิจความงามจะมีมูลค่าสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท ส่งผลให้มีผู้ประกอบการหลายรายสนใจกระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้

วาสนา อินทะแสง ประธานบริหาร บริษัท รีโว่เมด (ไทยแลนด์) ผู้ผลิตครีม เครื่องสำอาง เวชสำอาง และอาหารเสริมแบบครบวงจร กล่าวว่า ธุรกิจความงามในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% หรือมีมูลค่าเกือบ 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าดูแลผิว 45% กลุ่มสินค้าดูแลผม 25% และอื่นๆ 30%

ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจความงามมีอัตราการเติบโตสูงสวนกระแสภาพรวมเศรษฐกิจนอกจากคนไทยจะหันมาดูแลตัวเองมากขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยในด้านของกลุ่มประเทศอาเซียนที่ให้ความสนใจสินค้าความงามของไทยมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม เห็นได้จากการนำสินค้าไทยไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศดังกล่าวจนได้รับความนิยม และมีผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศดังกล่าวสนใจเข้ามาผลิตสินค้าความงามในประเทศไทยมากขึ้น

สำหรับช่องทางที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าในการซื้อสินค้ามากขึ้นในขณะนี้ คือ ออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคอยู่กับมือถือตลอดเวลา จึงทำให้การซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์ทำได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ดังกล่าว ทำให้การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในแต่ละปีเติบโตสูง และในปี 2563 คาดว่าการขายสินค้าความงามในช่องทางออนไลน์จะเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัว

จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปดังกล่าว ทำให้สินค้าความงามที่ขายผ่านเคาน์เตอร์แบรนด์เติบโตลดลง โดยเฉพาะกลุ่มดูแลผิว ส่วนกลุ่มเครื่องสำอางประเภทสีสันยังเติบโตได้ดี จากแนวโน้มที่ดีของการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่เติบโตดี ทำให้ปัจจุบันกลุ่มสินค้าความงามสามารถไต่อันดับสินค้าขายดีมาอยู่ในลำดับที่ 5 จากปี 2559 อยู่ในอันดับที่ 8 และปี 2563 คาดว่าจะขยับมาอยู่ในอันดับที่ 1

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ผู้ประกอบการควรปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยการเรียนการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม หรือยูทูบ เพราะช่องทางดังกล่าวถือเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบันสำหรับการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์