คาร์แชริ่งชิงแชร์รถเช่า ตอบโจทย์ลูกค้าคนเมือง

โดย...ทีมข่าวธุรกิจตลาดโพสต์ทูเดย์

ธุรกิจรถเช่ากำลังเป็นหนึ่งในเทรนด์ ที่มาแรง นอกจากผู้ให้บริการรายใหญ่เดิมที่มีการเปิดให้ผู้ใช้งานเช่ารถ ผ่านแอพพลิเคชั่นแล้ว กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพก็กำลังเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดรถเช่าที่มีกว่า 3 หมื่นล้านบาท นี้เช่นกัน

จากการเก็บข้อมูลของผู้มีรถยนต์ พบว่าจะมีการใช้รถยนต์วันละ 5 ชั่วโมง/วัน อีก 19 ชั่วโมง ถูกจอดทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์และน่าจะเพิ่มมูลค่าให้กับเจ้าของรถ ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป ต้องการเช่ารถเพื่อเที่ยวเองมากขึ้น

ไดร์ฟเมท เปิดให้บริการมาแล้ว 1 ปี ในรูปแบบธุรกิจเอสเอ็มอีและค้นพบว่าธุรกิจของเราเหมาะแก่การเป็นสตาร์ทอัพและให้บริการผ่านสมาร์ทโฟน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากกว่าเว็บเบสเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานแอพประมาณเดือน พ.ย.นี้

บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโต 3-5 เท่า ภายในปีหน้า เพราะบริษัทจะเร่งทำตลาดอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วไปรู้จักแบรนด์ของไดร์ฟเมทมากขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้ทำรายได้แตะ 20 ล้านบาท และในปีหน้าจะแตะ 50 ล้านบาท ได้ไม่ยาก

ด้าน ธัญญธร ฐิติเศรณี ซีโอโอไดร์ฟเมท กล่าวเสริมว่า ธุรกิจรถเช่าโต 15% ทุกไตรมาส ร่วมกับกลุ่มท่องเที่ยว เพราะมีคนที่ต้องการท่องเที่ยวเอง และต้องการหารถเช่าเพื่อใช้งานได้ตามต้องการ จากการสำรวจปัญหา ผู้เช่ารถจากผู้ให้บริการรายอื่น พบว่ารถที่จองกับรถที่ใช้งานไม่ตรงกัน ประเภทของรถไม่มีความหลากหลายและไม่มีมาตรฐานในการรับประกันรถยนต์และต้องมีบัตรเครดิตเท่านั้น

นอกจากการให้บริการคาร์ แชริ่งเองแล้ว ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและให้บริการคาร์แชริ่งอย่าง Haupcar ยังได้ใช้การร่วมเป็นพัฒนามิตรกับบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่อย่าง แสนสิริ เพื่อขยายตลาดได้กว้างมาก ยิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดให้บริการ "Smart Move" แพลตฟอร์มบริการเช่ารถในโครงการของแสนสิรินำร่องในโครงการ เดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต โดยได้จัดนำ BMW i3 รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจำนวน 2 คัน ในการให้บริการ พร้อมด้วยแผนขยายบริการคาร์แชริ่ง ในโครงการอื่นๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ผู้บริหาร Haupcar เห็นว่าไลฟ์สไตล์คนเมืองในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ แต่มีบางโอกาสที่พวกเขาต้องใช้รถเพื่อความเป็นส่วนตัวหรือเดินทางในระยะใกล้ ซึ่งเป็นการใช้รถในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมง คาร์แชริ่งจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานในลักษณะนี้ ซึ่งเทรนด์ของคาร์แชริ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไปจนถึงประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างมาเลเซีย

ธุรกิจคาร์แชริ่งในไทยจึงน่าจะตอบโจทย์ได้ในหลายมิติ ทั้งรองรับไลฟ์ไตล์คนเมืองรุ่นใหม่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาจราจรและช่วยลดมลพิษบนท้องถนน จึงเป็นเทรนด์ธุรกิจที่ต้องจับตา