posttoday

เซ็นทรัลผนึกเจดีรุกอี-คอมเมิร์ซ ฟินเทค

16 กันยายน 2560

ล่าสุดยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกของไทยอย่างกลุ่มเซ็นทรัลกับยักษ์ใหญ่แห่งวงการออนไลน์ของโลกอย่างเจดีดอทคอม ประกาศจะร่วมลงทุนในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และฟินเทคร่วมกัน

โดย...จะเรียม สำรวจ

หลังจากแบ่งรับแบ่งสู้มานานสำหรับความร่วมมือครั้งสำคัญของยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกของไทยอย่างกลุ่มเซ็นทรัลกับยักษ์ใหญ่แห่งวงการออนไลน์ของโลกอย่างเจดีดอทคอม ล่าสุดได้ประกาศออกมาแล้วว่า 2 ยักษ์ใหญ่จะร่วมลงทุนในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และฟินเทคร่วมกัน

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว กลุ่มเซ็นทรัลได้ใช้งบลงทุนครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 50% ของงบลงทุนรวม 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ไปกับการลงทุนธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซและฟินเทค ส่วนงบลงทุนที่เหลืออีก 50% จะมาจากเจดีดอทคอม และเจดี ไฟแนนซ์ รวมไปถึงโพรวิเดนท์ แคปปิตอล ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านกลยุทธ์ของเจดีดอทคอมในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่ประเทศอินโดนีเซีย

การหันมาเปิดเกมรุกธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และฟินเทคของกลุ่มเซ็นทรัลในครั้งนี้ เหตุผลหลักคือ ต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจค้าปลีกที่มีเครือข่ายร้านค้าที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อรองรับการให้บริการแบบออมนิแชนแนล (Omni channel) และการชำระเงินที่สะดวกด้วยทางเลือกที่หลากหลาย เนื่องจากเจดีดอทคอมมีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี อี-คอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์

นอกจากนี้ ยังมีความรู้เชิงลึกในด้านของเทคโนโลยีทางการเงิน รวมไปถึงประสบการณ์การพัฒนาบริการฟินเทคที่ง่ายต่อการใช้งานในตลาดใหม่ (Developing Markets) การใช้ AI (Artificial Intelligence) เทคโนโลยีคลาวด์ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ทันสมัย จึงน่าจะนำมาต่อยอดกับธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลได้เป็นอย่างดี

ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เจดี ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของบริษัทในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในประเทศจีน จึงถือเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะเลือก เจดี มาเป็นพันธมิตรด้านอี-คอมเมิร์ซ เพื่อต่อยอดให้ตลาดอี-คอมเมิร์ซของไทยเติบโตยิ่งๆ ขึ้นไป เนื่องจากปัจจุบันจำนวนคนไทยใช้ สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้การใช้จ่ายสูงขึ้น

ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาด อี-คอมเมิร์ซ ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกในการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ ที่จะทำให้คนไทยหันมาช็อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น

ริชาร์ด หลิว ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของเจดีดอทคอม กล่าวว่า ประเทศไทยมีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาบริการด้านอี-คอมเมิร์ซและฟินเทคเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ การได้ร่วมงานกับกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทยที่มีห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าทั่วประเทศก็ช่วยเสริมศักยภาพและเป็นประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

ด้าน เฉิน จาง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี เจดีดอทคอม กล่าวว่า เหตุผลที่กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทเลือกที่จะนำ 2 ธุรกิจ คือ อี-คอมเมิร์ซ และฟินเทค เข้ามาให้บริการ เพราะทั้งสองธุรกิจต้องเดินไปด้วยกัน ซึ่งในส่วนของอี-คอมเมิร์ซ รูปแบบของการขายสินค้าอาจจะมีทั้งในส่วนของการผลิตสินค้าขึ้นมาขายเอง การนำสินค้าจากประเทศไทยไปขายในประเทศจีน การนำสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาขายในไทย และการเปิดรับสินค้าจากผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาจำหน่ายเพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น

สำหรับ ฟินเทค จะเป็นการนำนวัตกรรมทางการเงินเข้ามาช่วยในการซื้อขายสินค้าในรูปแบบออนไลน์ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มทดลองระบบของทั้งสองธุรกิจดังกล่าวได้ภายในปี 2561 หลังจากก่อนหน้านี้ประมาณ 18 เดือนที่ผ่านมา เจดีดอทคอม ได้นำธุรกิจออนไลน์เข้าไปบุกตลาดในประเทศอินโดนีเซียมาแล้ว

เฉิน กล่าวต่อว่า บริษัทมั่นใจว่าการเข้ามาขยายธุรกิจในครั้งนี้น่าจะประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากประเทศไทยมีโครงสร้าง พื้นฐานค่อนข้างพร้อม เพียงแต่ต้องปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคให้หันมาสนใจซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น หากบริษัทสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงได้ก็จะทำให้สินค้าที่นำมาขายผ่านช่องทางลดลง และในที่สุดผู้บริโภคก็จะหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

แม้ว่าขณะนี้รูปแบบของธุรกิจจะยังไม่มีความแน่ชัดว่าจะมีการทำการตลาดกันอย่างไร แต่เท่าที่ดูแนวทางธุรกิจ ถือว่าการจับมือร่วมกันในครั้งนี้มีความน่าสนใจ หากทำได้ถือว่าพลิกโฉมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไทยเลยทีเดียว