posttoday

ขึ้นค่าไลเซนส์ขายสุรา ร้านค้าเล็กส่อเลิกกิจการ

15 กันยายน 2560

อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขาย สุราขยับเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมนับ 10 เท่าตัว ร้านค้าเล็กส่อเลิกกิจการ

โดย...จะเรียม สำรวจ

ภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะประกาศใช้ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ นอกจากผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะจับตากันอย่างใกล้ชิดแล้ว ในส่วนของผู้ประกอบการร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ต่างใจจดใจจ่อ รอดูประกาศสุดท้ายในวันที่ 16 ก.ย.นี้เช่นกัน เนื่องจากอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราภายใต้เพดานใหม่จะขยับเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมนับ 10 เท่าตัว

นอกจากนี้ ใบอนุญาตที่ผู้ประกอบการร้านค้าจะได้รับยังจะมีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิม คือ จากเดิมใบอนุญาตขายสุราจะมีอายุ 1 ปี และจะสิ้นสุดใบอนุญาตการขายในวันที่ 31 ธ.ค.ของทุกปี แต่สำหรับภาษีใหม่ ใบอนุญาตที่ออกตามมาตรานี้จะมีอายุ 1 ปี นับจากวันที่ได้รับใบอนุญาต

หากมองในด้านของระยะเวลา การขอใบอนุญาตสำหรับผู้ที่ขอช่วงกลางปีหรือปลายปีนับว่าเป็นประโยชน์ เนื่องจากจะได้ทำการขายสินค้าครบ 1 ปีเต็มภายใต้เพดานภาษีใหม่ แต่ถ้าเป็นเพดานภาษีเก่าหากได้รับใบอนุญาตช่วงกลางปีหรือปลายปีจะได้รับสิทธิการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าการกำหนดระยะเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใต้เพดานภาษีใหม่จะเอื้อต่อ ผู้ประกอบการมากขึ้น แต่หากมองในด้านของอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราที่มีการขยับขึ้นหลายเท่าตัว เห็นได้จากการแบ่งประเภทใบอนุญาตขายสุราทั้งสองแบบที่ร่างออกมา คือ ขายสุราตั้งแต่ 10 ลิตร/ครั้ง (แบบขายส่ง) ปัจจุบันเพดานจะอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นบาท/ปี หรือเก็บจริงอยู่ที่ประมาณ 7,500 บาท สำหรับการขายสุราทุกชนิดและจัดเก็บอยู่ที่ 500-5,000 บาท/ปี สำหรับสุราในประเทศ  แต่ภายใต้เพดานใหม่จะจัดเก็บอยู่ที่ 1 แสนบาท/ปี

ขณะที่ประเภทของใบอนุญาตขายสุราต่ำกว่า 10 ลิตร/ครั้ง (แบบขายปลีก) เพดานปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท/ปี หรือเก็บจริงอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 บาท/ปี สำหรับการขายสุราทุกชนิด และจัดเก็บ 200 บาท/ปี สำหรับการขายสุราในประเทศ แต่ภายใต้เพดานใหม่จะจัดเก็บอยู่ที่ 5 หมื่นบาท/ปี

ธนากร คุปตจิตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ภายใต้ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ที่จะประกาศใช้ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ หากภาครัฐมีการจัดเก็บใบอนุญาตการขายเพิ่มขึ้นตามที่ประกาศไว้ เชื่อว่าผู้ประกอบการรายเล็กที่เคยจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องหายไปจากตลาดแน่นอน เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนค่าใบอนุญาตที่เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าสำหรับการขายส่ง และ 25 เท่าสำหรับการขายปลีกได้

สำหรับภาพรวมการแข่งขันของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงปลายปีนี้ ธนากร มองว่าน่าจะมีการแข่งขันกันรุนแรง เพราะเป็นช่วงหน้าขายสินค้า ดังนั้นผู้ประกอบการทุกคนจะต้องออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างหนัก เพื่อผลักดันให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในภาวะค่อนข้างซบเซา

ความคิดเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับ สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย ที่ออกมาเปิดเผยว่า ค่าใบอนุญาตขายสุราที่จะปรับขึ้นตามเพดานภาษีใหม่ หากภาครัฐมีการเพิ่มตรงนั้นจริงสิ่งที่น่าคิด คือ ภาครัฐจะสามารถเข้าไปควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของร้านสะดวกซื้อที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงได้หรือไม่ เนื่องจากร้านดังกล่าวสามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตลอดทั้งคืน ขณะที่ร้านค้าทั่วไป หรือยี่ปั๊ว ซาปั๊ว มีเวลาปิดเปิดเป็นเวลา

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านค้าทั่วไปที่ขายสินค้าทั้งปลีกและส่งต้องออกมาปรับกลยุทธ์ในการทำตลาด เพื่อให้สามารถแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อที่เกิด 24 ชั่วโมงได้ ด้วยการทำโปรโมชั่นกระตุ้นความสนใจลูกค้า เช่น ซื้อเบียร์แถมน้ำแข็ง หรือแจกสินค้าพรีเมียม เป็นต้น

ดังนั้น จึงอยากให้รัฐหันกลับมาพิจารณาการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของร้านสะดวกซื้ออีกครั้ง โดยเฉพาะการลดเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ให้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง หากเกินเวลา 22.00 น.ไปแล้วก็ไม่ควรอนุญาตให้ขาย ทั้งนี้ก็เพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น

สมชาย กล่าวอีกว่า ค่าใบอนุญาตขายสุราที่เรียกเก็บเพิ่มขึ้นน่าจะส่งผล กระทบต่อผู้ประกอบการรายเล็กที่อาจจะหายไปจากตลาด เนื่องจากไม่สามารถสู้ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นจึงต้อง ออกไปจากเกม เหลือแต่ผู้ประกอบการ รายใหญ่ที่อยู่ในตลาด อย่างไรก็ดี ในขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กบางรายอาจหายไปจากตลาด แต่ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าจะทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในรูปแบบของร้านค้าเฉพาะทาง เช่น ร้านที่เน้นขายสินค้าเฉพาะสุราและยาสูบ เป็นต้น

สำหรับภาพรวมการแข่งขันของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ยังคงมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง  โดยเฉพาะในด้านของราคาขาย เนื่องจากปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้น การจัดเก็บอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะประกาศใช้ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ หลังภาษีใหม่ประกาศในช่วงแรก เชื่อว่าน่าจะยังไม่มีใครกล้าที่จะขยับราคาสินค้าขึ้นกันในทันที เนื่องจากขณะนี้การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความรุนแรงอยู่แล้ว หากมีการปรับราคาสินค้าขึ้นไปอาจทำให้เสียเปรียบในด้านของการแข่งขันได้

แม้ว่าตอนนี้จะมีตุ๊กตาให้เห็นภาพคร่าวๆ แล้ว แต่ผู้ประกอบการ ก็ยังลุ้นการตีความของราคาขายปลีก ที่จะประกาศออกมาถึงที่สุดแล้วหรือยัง หรือยังต้องมีการปรับเปลี่ยนอีก เพราะอธิบดีกรมสรรพสามิตมีอำนาจประกาศราคาขายปลีกแนะนำในกรณีดังต่อไปนี้ 1.ราคาขายปลีกแนะนำไม่สอดคล้อง กับความเป็นจริง 2.ราคาขายปลีกแนะนำไม่เป็นไปตามกลไกตลาด ได้แก่ ราคาส่งเสริมการขาย ราคาขายแก่ผู้มี สิทธิพิเศษ มีเงื่อนไขการขาย และ 3.ราคาขายปลีกแนะนำไม่สามารถ กำหนดราคาได้ เช่น การผลิตหรือนำเข้าเพื่อเป็นตัวอย่าง มิใช่การขาย เป็นต้น