สินค้าอ่วมคุมเงินบัตรเครดิต หวั่นกระทบการตัดสินใจซื้อ

หวั่นสินค้าแบรนด์เนม เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ ยอดขายหด หลังแบงก์ชาติลดวงเงินบัตรเครดิต กระทบการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

นายณัฐพล กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ สุกี้ ไทยเรสเทอรองส์ ผู้บริหารร้านนีโอ สุกี้ เปิดเผยว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ กำหนดเกณฑ์ใหม่สินเชื่อบัตรเครดิต-ส่วนบุคคล โดยรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท ได้รับวงเงินบัตรเครดิตจากเดิม 5 เท่าเป็นเหลือ 1.5 เท่าของรายได้ เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ย. จะส่งผลกระทบต่อสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสินค้าแบรนด์เนม โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงด้วยบัตรเครดิต เมื่อเทียบกับธุรกิจร้านอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคมองว่าไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมีราคาไม่สูง

“ธุรกิจร้านอาหารมองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการรูดบัตรในกรณีเข้ามากินอาหาร แม้ว่าวงเงินจะลดลง ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของลูกคนที่เข้ามากินอาหารภายในร้าน ส่วนใหญ่อัตราค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 800 บาท/โต๊ะ และ 260 บาท/คน ซึ่งถือว่าไม่สูงมากนัก”นายณัฐพล กล่าว

ด้าน น.ส.ริญญภัสร์ ศรีวิมลชัยภัทร ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท ทรินิตี้ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น ผู้ดำเนินธุรกิจฟาสต์แฟชั่นแบรนด์เพ็นช็อป กล่าวว่า สินค้าแฟชั่นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ จากมาตรการของแบงก์ชาติจะเป็นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมมากกว่ากลุ่มฟาสต์แฟชั่น เนื่องจากพบว่าพฤติกรรมของลูกค้าส่วนใหญ่ที่รูดบัตรเครดิตจะซื้อสินค้าแฟชั่นตั้งแต่ 1,000 บาท ขณะที่ลูกค้าของบริษัทที่ใช้บัตรเครดิตคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5%

“กลุ่มเสื้อผ้าของเพ็นช็อปอยู่ในระดับเริ่มต้นตั้งแต่ไม่สูง เช่น กางเกงยีนส์ 590 บาท อีกทั้งเมื่อเทียบกับคู่แข่งฟาสต์แฟชั่นด้วยกันยังถูกกว่า 30% จึงทำให้พฤติกรรมการซื้อสินค้าส่วนใหญ่จะจ่ายเงินสดมากกว่ารูดบัตรเครดิต โดยเฉลี่ย 800 บาท/บิล มั่นใจว่าการที่แบงก์ชาติกำหนดวงเงินบัตรเครดิตลดลงจะไม่ส่งผลกระทบ”น.ส.ริญญภัสร์ กล่าว

นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแอลจี กล่าวว่า วงเงินบัตรเครดิตที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าบ้างแต่ไม่ได้กระทบในวงกว้าง เพราะการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นการซื้อลักษณะรูปแบบการผ่อน เช่น 0% ราว 10 เดือน อย่างไรก็ดี อาจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าจากระดับกลางไปสู่ไฮเอนด์บ้างในกรณีที่วงเงินในบัตรมีน้อยหรือไม่พอ